Review

รีวิว OnePlus 7 Pro ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม หน้าจอสวย และประสิทธิภาพระดับท็อป

OnePlus 7 Pro รีวิว

เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยไปแล้วสำหรับ OnePlus 7 Pro สำหรับใครอยากรู้ว่ารุ่นนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เชิญติดตามรีวิวจากทาง Whatphone.net กันเลย

เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยไปแล้วสำหรับ OnePlus 7 Pro สมาร์ทโฟน Super Flagship รุ่นใหม่จาก OnePlus ในปี 2019 นี้ เริ่มวางจำหน่ายกันแล้วตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม ใครที่จองไม่ทัน หรือยังไม่ได้จอง ลองมาอ่านบทความรีวิวรุ่นนี้เพื่อเป็นการตัดสินใจเพิ่มเติมกันได้ ว่าแล้วมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

ONEPLUS 7 PRO ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม หน้าจอดีที่สุดในตลาด ณ ตอนนี้

OnePlus 7 Pro หน้าจอ 6.67 นิ้ว

ดีไซน์กระจกหน้าหลังสวยงามดูเรียบหรู วัสดุที่นำมาใช้งานในรุ่นนี้เวลาจับแล้วให้ความรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมหรูหราขึ้นมาทันที ตัวเครื่องยังมีดีไซน์ขอบโค้งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สำหรับขอบโค้งนี้จะโค้งเข้ากับอุ้งมือเวลาหยิบจับใช้งานแทบจะไม่รู้สึกว่าตัวเครื่องกว้างเลย ทั้งนี้จริงๆแล้วมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่มาก และถ้าใครที่ไม่ชอบใช้งานแบบเปลือยๆ ภายในกล่องก็จะแถมเคสใสมาให้ใช้งานกันด้วย และมีการติดฟิล์มกันรอยมาให้เลย มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเทาเงา Mirror Grey, สีฟ้า Nebula Blue และ สีครีม Almond ซึ่งสีที่เราได้มาทดสอบก็คือ สีเทาเงา Mirror Grey นั่นเอง 

สำหรับรุ่นนี้ได้มีการพัฒนาหน้าจอให้ดีขึ้นต่อผู้ใช้งานมากขึ้น การันตีโดยคะแนนการทดสอบหน้าจอระดับ A+ จาก Display Mate ผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบจอภาพแสดงผลชั้นนำของโลก หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ดีไซน์ขอบจอโค้งและบาง ไร้รอยบาก มีความละเอียด Quad HD+ 3,120 x 1,440 พิกเซล (516ppi) รองรับ HDR 10+ อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 ที่ให้ความคมชัดและสีสันที่สมจริง และมีรีเฟรชเรท 90Hz ทำให้การแสดงผลหน้าจอที่เนียนตาสวยงามไหลลื่นและยังตอบสนองได้อย่างรวดเร็วกว่าหน้าจอปกติบนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ

OnePlus 7 Pro หน้าจอรีเฟรชเรท 90Hz

ค่ารีเฟรชเรตระดับ 90Hz นี้มีผลต่อการเล่นเกมเช่นเดียวกัน การทัชหน้าจอเพื่อบังคับตัวละครในเกมต่างๆ เมื่อมีค่ารีเฟรชเรตที่สูงจึงทำให้มีการตอบสนองต่อการทัชหน้าจอได้ดีกว่าหน้าจอปกติบนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป ไม่มีอาการหน่วงให้เห็น ส่วน HDR10+ นี้จะช่วยให้คนที่ชอบดูภาพยนตร์, ซีรีส์ คลิปวิดีโอต่างๆ ผ่าน Netflix จะทำให้เรารับชมได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น เพราะหน้าจอจะแสดงผลคมชัดสีสันสวยงามสมจริงมากกว่าหน้าจอปกติของสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ รวมถึงระบบเสียง Dolby Atmos ที่ให้เสียงดีมีมิติมากขึ้น หากต้องการใช้หูฟังบลูทูธก็รองรับ aptX HD อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมี Night Mode 2.0 ที่จะมาช่วยถนอมสายตาเวลาใช้งานสมาร์ทโฟนในที่แสงน้อยหรือที่มืด จะมีการช่วยตัดแสงสีฟ้าที่เป็นอัตรายต่อดวงตาออกจากหน้าจอ ตรงนี้ถือว่า OnePlus นั้นเข้าใจและใส่ใจรายละเอียดในการใช้งานของเราๆ กันเลย และด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ OnePlus 7 Pro กลายเป็นผู้นำทางด้านหน้าจอบนสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมไปแล้ว

กล้องหลัง Triple Camera ถ่ายได้หลายมุมมอง

OnePlus 7 Pro Triple Camera

กล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera ประกอบไปด้วย เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.6 ถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น ความชัดมากขึ้น ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ซึ่งมีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่กว่า OnePlus 6T ถึง 34.8% มีระบบลดการสั่นไหว OIS และ EIS เลนส์มุมกว้าง ultra wide  117 องศา รูรับแสงกว้าง f/2.2 และเลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เทียบเท่าระยะเลนส์ 78 มม. รูรับแสงกว้าง f/2.4 ขนาดพิกเซลใหญ่ถึง 1µm พิกเซล มีระบบลดการสั่นไหว OIS สามารถซูมออปติคอลได้ 3 เท่า รองรับการซูมแบบดิจิตอลได้ถึง 10 เท่า ส่วนการถ่ายวิดีโอ ก็สามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ระดับ 4K 30/60 fps และ 1080P 30/60 fps

OnePlus 7 Pro หน้าตาการใช้งาน

หน้าตาเมนูของกล้องก็ใช้งานง่ายสลับการใช้เลนส์หลัก, เลนส์เทเลโฟโต้ และเลนส์มุมกว้างได้ง่ายดายเพียงแค่แตะที่ไอค่อนเท่านั้น รวมถึงการเปลี่ยนโหมดก็เพียงแค่ปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวา การโฟกัสต่างๆ ก็ทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ และยังมีโหมด Portrait, Nightscape, Time-lapse, Slow motion และ Panorama ไว้ให้ใช้งาน

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง

ภาพตัวอย่างจาก OnePlus 7 Pro

ภาพตัวอย่างจาก OnePlus 7 Pro

ภาพตัวอย่างจาก OnePlus 7 Pro

ภาพตัวอย่างจาก OnePlus 7 Pro

ภาพตัวอย่างจาก OnePlus 7 Pro

โหมด Portrait ถ่ายภาพบุคคลจะมีการใช้เลนส์เทเลโฟโต้เข้ามาช่วยในการถ่ายรูปภาพ โดยจะช่วยทำให้รูปภาพหน้าชัดหลังเบลอมากขึ้น แต่การถ่ายรูปภาพนี้จะเป็นการซูมเข้าหาวัตถุมากกว่าการถ่ายภาพปกติเล็กน้อย 

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait

นอกจากนี้โหมด Nightscape ที่จะเข้ามาช่วยการถ่ายภาพในตอนกลางคืนหรือที่แสงน้อยให้ดีขึ้น โดยเป็นการเพิ่มความสว่างพร้อมกับลด Noise บนภาพถ่ายและเพิ่มความเข้ม, รายละเอียดต่างๆ ให้กับฉากหรือวัตถุ เพื่อให้ได้รูปภาพที่สว่างขึ้นและคมชัด และยังทำการถ่ายได้อย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายหากใช้โหมดนี้จะทำให้ใช้เลนส์ Ultra wide ถ่ายภาพไม่ได้ คาดว่าอาจจะเป็นเพราะรูรับแสงของเลนส์ Ultra wide นั้นยังไม่กว้างมาก ทำให้การรับแสงนั้นยังทำได้ไม่ดีพอ

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Nightscape

โหมด Nightscape

โหมดปกติ

กล้องหน้าเซลฟี่แบบป๊อบอัพ

กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เซ็นเซอร์ Sony IMX471 ระบบลดการสั่นไหว EIS เป็นกล้องหน้าแบบป๊อบอัพ โดยซ่อนอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง ตัวกล้องจะสไลด์ขึ้นมาเมื่อมีการใช้งานกล้องหน้าถ่ายรูปเซลฟี่และปลดล็อคตัวเครื่องด้วยใบหน้า และตัวกล้องจะทำการเก็บกล้องอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่าตัวเครื่องร่วงหล่นลงมาเพื่อป้องกันความเสียหายของกล้องหน้า

ด้วยการใช้กล้องหน้าแบบนี้เลยทำให้หน้าจอแสดงไม่มีรอยบากใช้งานได้เต็มพื้นที่มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งการเซลฟี่จะสามารถเลือกเซลฟี่แบบธรรมดาและแบบ Portrait หน้าชัดหลังเบลอได้ ทั้ง 2 แบบนี้สามารถเปิดใช้งานบิวตี้โหมดได้ โดยบิวตี้โหมดจะแสดงผลตอนที่เซลฟี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะไม่ได้ปรับให้เห็นทันที นอกจากนี้ยังใช้อัดวิดีโอความละเอียด 1080p 30fps

ตัวอย่างกล้องหน้าเซลฟี่

ตัวอย่างกล้องหน้าเซลฟี่โหมด Portrait

OnePlus 7 Pro กับประสิทธิภาพระดับท็อป

สมาร์ทโฟนระดับเรือธงย่อมมากับประสิทธิภาพระดับท็อป ใช้ชิปประมวลผลที่เร็วและแรงที่สุดในตอนนี้ Qualcomm Snapdragon 855 สำหรับรุ่นที่ได้ทดสอบจะมี RAM 8GB หน่วยความจำภายในความจุ 256GB แบบ UFS 3.0 ที่มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลดีมาก มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย OxygenOS เวอร์ชั่น 9.5 ที่เสริมฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น อีกทั้งหน้าตายังใกล้เคียงกับ Pure Android มาก ทำให้การใช้งานต่างๆ มีความรู้สึกเหมือนใช้ Pure Android ที่เพิ่มลูกเล่นต่างๆ ที่ใช้งานได้จริงมาให้ใช้งานโดยที่ไม่มีอาการหน่วงเครื่องให้เห็นเลย และด้วยตัว OnePlus 7 Pro เองก็มีระบบการจัดการข้อมูลภายในอย่าง RAM Boost ที่จะคอยเรียนรู้จากพฤติกรรมการใช้และการจัดสรร RAM ให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงช่วยล่นระยะเวลาโหมดแอปพลิเคชันให้เร็วขึ้นด้วย

Zen Mode ใช้ชีวิตกับคนรอบข้างมากขึ้น

ทาง OnePlus ได้ใส่ Zen Mode มาให้เพื่อให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนนั้นเงยหน้าออกจากหน้าจอ อยู่กับคนรอบข้างมากขึ้น สำหรับโหมดนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เมื่อเราเปิดใช้งานโหมดนี้แล้ว จะไม่สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนได้นาน 20 นาที โดยจะไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ เข้ามา แต่จะอนุญาตสายโทรเข้าและใช้งานกล้องได้อยู่ เมื่อครบเวลาจะมีการแสดงผลว่ามีการปิดการแจ้งเตือนไปเป็นจำนวนเท่าไร และเปิดใช้โหมดนี้เพื่ออะไร

Fnatic Mode เกิดมาเพื่อเล่นเกม

สำหรับโหมดนี้ถูกพัฒนาเพื่อให้สมาร์ทโฟนเหมาะกับการเล่นเกมมากขึ้น โดยตัวเครื่องนั้นมีประสิทธิภาพระดับท็อปอยู่แล้ว ได้โหมดนี้เข้ามาช่วยในการปรับประสิทธิภาพต่างๆ สำหรับการเล่นเกมด้วย รวมถึงการบล็อคการแจ้งเตือน, สายโทรเข้า, ปิดการปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ และปรับสภาพแสงของหน้าจอให้เหมาะสม ภายในตัวเครื่องก็มีระบบ Cooling System สำหรับช่วยระบายความร้อนในขณะเล่นเกมทำให้เกมเล่นได้อย่างลื่นไหลต่อไป ซึ่งจากที่ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile ตัวเดมก็แสดงผลกราฟิกได้ในระดับสูง ภาพคมชัด การทัชก็ตอบสนองได้ดี และได้ Fnatic Mode มาช่วยในการปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ทำให้เล่นได้อย่างต่อเนื่องและแถบแจ้งเตือนไม่มีการบังหน้าจอในขณะเล่นอีกด้วย

ชาร์จไวด้วย Warp Charge 30 

Warp Charge 30 OnePlus

แบตเตอรี่ที่ให้มา 4,000mAh สามารถใช้งานทั่วไป เล่นเกมบ้าง เล่น Facebook, LINE, Instagram ก็สามารถอยู่ได้ทั่งวัน อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี WARP Charge 30 ชาร์จเร็ว 30W กับอะแดปเตอร์ที่มาในกล่อง สามารถชาร์จจาก 0% เพียง 20 นาที ได้ถึง 48% และยังชาร์จได้เร็วแม้ว่าจะมีการชาร์จไปพร้อมกับการเล่นเกม 

ความคิดเห็นจาก Whatphone.net

หลังจากที่ได้ใช้งานมาเกือบ 1 สัปดาห์ ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับท็อปที่ครอบคลุมการใช้งานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป การถ่ายภาพ การรับชมความบันเทิงทั้งเรื่องของภาพที่สวยงามและเสียงที่ดี การเล่นเกมที่แสดงผลกราฟิกสวยงามและเครื่องไม่ร้อน แบตเตอรี่ก็อึดใช้งานได้เต็มวันสบายๆ ตัวเครื่องก็ยังดีไซน์พรีเมี่ยมสวยงาม ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูง ใช้งานได้แบบครบๆ ดีไซน์สวย OnePlus 7 Pro ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

“OnePlus 7 Pro ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม หน้าจอสวย และประสิทธิภาพระดับท็อป”

จุดเด่น

  • หน้าจอแสดงผลคมชัดสวยงาม ใช้งานแล้วสบายตา
  • แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้เต็มวัน
  • ดีไซน์สวย ดูพรีเมี่ยม
  • กล้องถ่ายในที่แสงน้อยได้ดี โฟกัสเร็วและแม่นยำ
  • ติดฟิล์มกันรอยมาเลย และมีเคสให้ พร้อมใช้งานหลังจากแกะกล่องทันที

จุดสังเกตุ

  • ไม่มีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. อาจจะต้องหาอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้หูฟังเดิม
  • น้ำหนักตัวเครื่องเมื่อรวมกับเคสที่ให้มาถือว่าค่อนข้างหนัก

สเปก ONEPLUS 7 PRO

  • หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รองรับ HDR10+ รีเฟรชเรต 90Hz ความหนาแน่นพิกเซล 516ppi
  • ขนาดตัวเครื่อง 162.6×75.9×8.8 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 206 กรัม
  • กล้องหลัง Triple Camera
    • เลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.6 ระบบลดการสั่นไหว OIS และ EIS
    • เลนส์มุมกว้าง ultra wide  117 องศา รูรับแสงกว้าง f/2.2
    • เลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 มีระบบลดการสั่นไหว OIS สามารถซูมออปติคอลได้ 3 เท่า รองรับการซูมแบบดิจิตอลได้ถึง 10 เท่า 
  • กล้องหน้าเซลปี่แบบป๊อบอัพ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ระบบลดการสั่นไหว EIS
  • ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 855 ชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 640
  • RAM 6GB/8GB และ 12GB
  • พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ UFS 3.0 ความจุ 128 และ 256GB เพิ่มหน่วยความจำภายนอกไม่ได้
  • ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย OxygenOS เวอร์ชั่น 9.5
  • ลำโพง Dual stereo ระบบเสียง Dolby Atmos
  • แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 30
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ, ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า
  • มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีเทาเงา Mirror Grey, สีฟ้า Nebula Blue และ สีครีม Almond
  • ราคา
    • รุ่น RAM 6GB/128GB ราคา 24,990 บาท
    • รุ่น RAM 8GB/256GB ราคา 26,990 บาท
    • รุ่น RAM 12GB/256GB ราคา 29,990 บาท
To Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณและสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • GA

    Google Analytic

Save