• Facebook
• Twitter
• Line

Huawei Mate 8

เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยกันไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา กับ Huawei Mate 8 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจากตระกูล Mate โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์เรียบหรู กับตัวเครื่องโลหะแบบยูนิบอดี้ เสริมความทนทานด้วยกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 4 ขอบโค้ง 2.5D เพิ่มรายละเอียดด้วยการตัดขอบกระจกแบบ Diamond Cut เป็นหน้าตัดเฉียง เพื่อให้รับกับขอบตัวเครื่องโลหะที่มีการตัดขอบด้วยดีไซน์แบบ Edge Cut และสำหรับหน้าจอของ Huawei Mate 8 นั้นยังคงมาพร้อมขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว มีความละเอียด Full HD 1080p ไม่ได้อัพความละเอียดไปสู่ระดับ 2K เหมือนหน้าจอสมาร์ทโฟนเรือธงจากแบรนด์อื่นๆ แต่เลือกที่จะใช้จอ IPS แบบใหม่ที่พัฒนาให้แสดงผลสีสันได้สดใส เต็มอิ่มมากขึ้น

ทางด้านประสิทธิภาพการใช้งานของ Huawei Mate 8 ก็สามารถตอบสนองได้ดีตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟนระดับสูง จากการทดสอบยังไม่พบปัญหาที่น่าหนักใจของชิป Kirin 950 สักเท่าไหร่ ยังคงใช้งานเล่นเกมกราฟิกหนักๆ เปิด-สลับแอพใช้งานแบบมัลติทาสก์ได้ลื่นไหลไม่มีปัญหาด้วยอานิสงส์ของ RAM 4 GB (ในไทยวางจำหน่ายรุ่น ROM 64 GB, RAM 4 GB) ในเรื่องของความร้อนขณะใช้งานต่อเนื่องก็แค่พออุ่นๆ ยังไม่พบอาการเครื่องร้อนจัดๆ จนผิดปกติแต่อย่างใด

สำหรับฟีเจอร์การใช้งานที่น่าสนใจก็จะมีในส่วนของ Motion Control ที่มีฟังก์ชัน Knuckle gestures ซึ่งอาศัยการเคาะข้อนิ้วมือลงไปบนหน้าจอ (ถ้านึกภาพไม่ออกจะอารมณ์เหมือนเอามือเขกโต๊ะ ประมาณนั้นเลย) เพื่อสั่งงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Smart Screen Shot ที่ใช้ข้อนิ้วเคาะหน้าจอ 2 ที เพื่อจับภาพหน้าจอ, เคาะแล้วลากเป็นรูปทรงต่างๆ เพื่อจับภาพเฉพาะส่วนที่เราลาก, ใช้ข้อนิ้ว 2 ข้อ เคาะลงไปบนหน้าจอ 2 ที เพื่อ+จับภาพวิดีโอการใช้งานบนหน้าจอ อีกทั้งยังใช้ข้อนิ้ว เคาะแล้วลากเป็นขีดยาว เพื่อปรับเข้าสู่โหมด Split Screen ใช้งาน 2 แอพ ใน 2 หน้าต่างได้ทันที (รองรับเฉพาะแอพหลักของ Huawei)

Physical Overview

Huawei Mate 8 มาพร้อมหน้าจอ Full HD IPS ขนาด 5.5 นิ้ว แถบด้านบนหน้าจอเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, แผงลำโพงสนทนา, เซ็นเซอร์วัดระดับแสง และเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง พร้อมไฟ LED Notification สำหรับกระพริบแจ้งเตือนสถานะต่างๆ จัดวางอยู่ใกล้ๆ กับมุมด้านซ้าย

พื้นที่ล่างของตัวเครื่อง มีเพียงโลโก้สกรีนอักษรชื่อแบรนด์ Huawei ติดอยู่ เนื่องจากแถบ Navigation Bar หรือแผงเมนูควบคุม นั้นได้ถูกรวมเอาไว้อยู่ในพื้นที่ของหน้าจอส่วนล่างแล้วนั่นเอง

ขอบด้านซ้ายมีช่องใส่ซิมแบบไฮบริด ซึ่งรองรับการใช้งาน nanoSIM ทั้ง 2 สล็อต โดยที่สล็อตซิม 2 นั้นถูกออกแบบให้สามารถสลับจากการใส่ซิม 2 เปลี่ยนมาเป็นการเพิ่มหน่วยความจำ microSD ได้อีกด้วย

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Volume สำหรับปรับเพิ่ม – ลดเสียง และใช้เป็นชัตเตอร์ถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังมีปุ่ม Power สำหรับเปิด – ปิดเครื่อง และเปิด – ปิดหน้าจอ จัดวางอยู่ใกล้ๆ กัน

ด้านบนค่อนข้างโล่ง มีเพียงช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และ ไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนจัดวางอยู่

ขอบด้านล่างของตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของพอร์ต microUSB สำหรับเสียบสายชาร์จ และสายดาต้าเพื่อโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ขนาบข้างด้วยช่องลำโพง และช่องไมโครโฟนสำหรับสนทนาซึ่งมีดีไซน์ที่เหมือนกันทั้งคู่

พลิกมาที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะพบกับกล้องถ่ายภาพระบบออโต้โฟกัสความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และ แฟลช Dual LED (แบบ Dual Tone) จัดวางอยู่ ถัดลงมาจะพบกับจุดกลมๆ อีก 1 จุด ซึ่งก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั่นเอง

16 Mega Pixels Camera

ภาพถ่ายจาก Huawei Mate 8 นั้นมีคุณภาพที่ค่อนข้างน่าพอใจ ทั้งในเรื่องของสีสัน ความคมชัด ความไวในการจับภาพ ด้วยความสามารถของกล้องถ่ายความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ IMX298 ตัวใหม่จากทาง Sony ถ่ายภาพได้สว่างใสด้วยค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมระบบกันสั่น (OIS) แบบ 3 แกน จับโฟกัสได้แม่นยำ และรวดเร็วขึ้นด้วยโหมด PDAF (Phase Detection Auto Focus) และ Contrast Auto Focus (CAF) เสริมด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่น่าสนใจอย่างโหมด Professional ที่มาพร้อมการปรับตั้งค่าแบบแมนนวล สามารถปรับสปีดชัตเตอร์ ปรับระยะโฟกัส ปรับความไวแสง ปรับไวท์บาลานซ์ได้เองเหมือนกล้องโปร, Light Painting ช่วยให้ถ่ายภาพเส้นของแสงไฟ ถ่ายภาพสายน้ำให้นุ่มนวล ได้ง่ายขึ้น, All-focus ถ่ายภาพไปก่อนแล้วค่อยมาเลือกจุดโฟกัสภายหลัง ในส่วนของการถ่ายวิดีโอจะทำได้ที่ความละเอียดสูงสุด FullHD 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที หรือจะเลือกถ่ายแบบสโลว์โมชั่นความละเอียด HD 720p ที่ 120 เฟรมต่อวินาที

Entertainment

การใช้งานด้านความบันเทิงของ Huawei Mate 8 นั้นแทบไม่มีอะไรน่าห่วง ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ สีสันสดใส และประสิทธิภาพในการประมวลผลระดับสูง จะดูหนัง เล่นเกม ดูรูป หรืออื่นๆ อีกมากมาย ก็ทำได้อย่างลื่นไหลบนสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ ส่วนการใช้งานพื้นฐานอย่างวิทยุ FM และเครื่องเล่นเพลงก็ยังคงมีมาให้ใช้งานกันอย่างครบครันพร้อมระบบเสียง DTS ที่จะแสดงผลเมื่อใช้งานร่วมกับหูฟัง แต่สำหรับใครที่ไม่อยากใส่หูฟัง ต้องขอบอกว่าลำโพงนั้นมีคุณภาพเสียงของลำโพงอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา เพราะมันให้เสียงที่ดัง มีความทุ้ม เสียงไม่แหลม ไม่แบน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ลำโพงสเตอริโอก็ตาม

Connectivity

Huawei Mate 8 รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายแบบครบครัน ทั้งระบบ 4G, 3G ทุกคลื่น ทุกความถี่ สามารถตั้งค่าสลับใช้งาน 4G, 3G ได้จากทั้ง 2 ซิม รวมไปถึงรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi พร้อมรองรับการใช้งาน NFC เอาไว้แชร์ไฟล์ หรือส่งข้อมูลระยะใกล้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นที่รองรับ

Final Opinion & Conclusion

จากรูปร่างหน้าตา ไล่มาที่สเปคในหน้ากระดาษ ต่อเนื่องมาจนถึงประสิทธิภาพที่ได้ทดลองใช้งาน ต้องยกให้ Huawei Mate 8 เป็นสมาร์ทโฟนระดับบน ที่น่าประทับใจอีกรุ่น ซึ่งมันตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการทำงาน และความบันเทิง รวมไปถึงความสามารถในการถ่ายภาพ แต่ในเรื่องของคุณภาพหน้าจอ ที่ยังไม่อัพเป็น 2K เหมือนเรือธงจากแบรนด์อื่นๆ รวมไปถึงราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างจะแรงไปสักนิด น่าจะส่งผลให้ Huawei ต้องทำงานหนักกับเดิมพันครั้งสำคัญครั้งนี้ เพื่อก้าวเข้ามาเป็นอีกหนึ่งแบรนด์มือถือชั้นนำในประเทศไทยให้ได้

Strength

– หน้าจอ IPS-NEO ขนาด 6 นิ้ว ให้สีสันที่เต็มอิ่ม, กระจก Gorilla Glass 4 (2.5D)
– บอดี้โลหะดีไซน์หรู ตัวเครื่องไม่ใหญ่เทอะทะ
– ซีพียู Kirin 950 Octa-core, RAM 4 GB
– สดใหม่ด้วยระบบปฏิบัติการ Android 6.0 (Marshmallow) ครอบทับด้วย EMUI 4.0
– หน่วยความจำภายใน 64 GB/ เพิ่ม microSD ได้/ รองรับ USB OTG
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม (nanoSIM)
– รองรับ 4G / 3G / Wi-Fi/ NFC
– กล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล, แฟลช Dual LED, โหมด Pro, โหมด All-Focus, Light Painting
– กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
– เครื่องเล่น MP 3 และ วิทยุ FM
– แบตเตอรี่ความจุสูง 4,000 mAh พร้อมระบบ Quick Charge

Weakness

– ยังไม่ใช้หน้าจอความละเอียดสูงระดับ 2K
– ต้องสลับใช้งานระหว่าง SIM2 และ microSD

รูปตัวเครื่อง Huawei Mate 8

 

รูปหน้าจอ Huawei Mate 8

 

 

 

 

 

 

 

• Facebook
• Twitter
• Line