รีวิว Xiaomi Mi A3 สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android One เหมาะกับผู้ใช้ที่ชอบใช้งานแอนดรอยด์แบบเพียวๆ ไม่มีอะไรมาครอบทับให้หน่วงเครื่อง แถมยังได้อัพเดทชัวร์ๆ จาก Google ได้อย่างน้อย 2 ปีด้วย
แกะกล่อง รีวิว Xiaomi Mi A3
เราได้เครื่องมาทดสอบแบบครบกล่อง โดยตัวเครื่องเป็นสี Not Just Blue หรือแปลง่ายๆ ไม่ใช่แค่สีฟ้า หรือไม่ใช่แค่สีน้ำเงิน เพราะเมื่อเรานำไปส่องกับแสงก็จะมีลวดลายเพิ่มเข้ามาให้เป็น ซึ่งในสีนี้จะเป็นรูปตัว S ที่เหลือบสีม่วง ฟ้า น้ำเงิน เขียวออกมาให้เห็นหน่อยๆ ถือเป็นลูกเล่นที่นิยมใช้เป็นฝาหลังของสมาร์ทโฟนสมัยนี้ ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ และหากใส่เคสใสที่แถมมาให้ก็ไม่ได้ทำให้สีหม่นลงแต่อย่างใด
เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับสมาร์ทโฟน Mi A3 ที่บอกคุณสมบัติเด่นๆ เป็นสติ๊กเกอร์บอกไว้บนหน้าจอ ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ก็มีดังนี้
- ตัวเครื่องสมาร์ทโฟน Mi A3
- อแดปเตอร์กำลังไฟ 10 วัตต์ (5 โวลท์, 2 แอมป์)
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- เคสใสแบบซิลิโคน ยืดหยุ่นได้
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- คู่มือการใช้งาน
ส่วนชุดหูฟังภายในกล่องไม่ได้มีมาให้ ถือเป็นเรื่องปกติของแบรนด์นี้ แต่เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะมีชุดหูฟังประจำของตนเองอยู่แล้ว หรือหากซื้อเพิ่มก็เพียงไม่กี่ร้อยบาท
สำหรับจอแสดงผลของรุ่นนี้เป็นจอภาพแบบ AMOLED Dot Drop Display มีขนาด 6.088 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 กระจก Corning Gorilla Glass 5 โดยมีกล้องเป็นรูปหยดน้ำอยู่บนหน้าจอ ซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็ก แทบจะไม่มีผลต่อการแสดงผล เหนือจอแสดงผลด้านขวามีไฟ LED ดวงเล็กๆ สีขาวอยู่เหนือจอ บ่งบอกสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ และกระพริบเตือนเมื่อแบตใกล้หมด ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือถูกฝังอยู่ใต้จอแสดงผลแล้ว
ด้านหลังอย่างที่กล่าวไปตั้งแต่แรกว่ามีลวดลายเป็นรูปตัว S เหลือบสี ซึ่งหากมองดีๆ จะไม่ใช่มีแค่สีน้ำเงิน แต่มีสีฟ้า ม่วง เขียวให้เห็น สำหรับกล้องดิจิตอลของรุ่นนี้มี 3 เลนส์ ทั้งเลนส์ปกติ เลนส์ Depth และเลนส์ Wide มีไฟแฟลชแบบ LED ที่ด้านหลังนี้ยังมีโลโก้ Android One บ่งบอกด้วย
ด้านข้างซ้ายเป็นที่อยู่ของถาดใส่ซิม ซึ่งถาดใส่ซิมการ์ดของรุ่นนี้จะแปลกกว่าชาวบ้านคือปกติแล้วรุ่นที่เป็น Hybrid slot จะมีช่องใส่ SIM1 ซึ่งเป็นช่องใส่ซิมการ์ดโดยเฉพาะ ส่วนช่องที่ 2 จะให้เลือกว่าจะใส่ SIM1 หรือ microSD แต่รุ่นนี้ SIM1 จะรวมอยู่กับช่องใส่ microSD แต่ SIM2 จะใส่ได้เฉพาะซิมการ์ดเท่านั้น เท่ากับว่าหากต้องการใส่ทั้งซิมการ์ดและ microSD จะต้องใส่ที่ช่อง SIM2 อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ใช้งานได้ปกติทั้งโทรศัพท์ และการต่ออินเตอร์ผ่าน 4G ส่วนที่ด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
ด้านบนมีช่องใส่ชุดหูฟังขนาด 3.5 มม. มีพอร์ตอินฟราเรด และรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน และที่ด้านล่างเป็นช่องลำโพง ช่องเสียบสายชาร์จแบบ USB-C และช่องไมโครโฟนสนทนา
สเป็คคุ้มค่า ดีไซน์สวยงาม ขนาดกะทัดรัด ถือจับถนัดมือ
ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไปนัก ทำให้ถือจับได้ถนัดมือ แต่ก็มองเห็นได้เต็มตาด้วยจอภาพขนาดใหญ่ 6 นิ้วที่แสดงผลได้เกือบเต็มขอบ ความละเอียด HD+ ดีไซน์ด้านหลังก็ด็สวยงามแปลกตาไม่เหมือนใคร พร้อมใช้วัสดุเป็นกระจก 3D Glass ดูสวยงาม ส่วนสเป็คของรุ่นนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวที่ 6,999 บาท ได้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 665 หน่วยความจำที่เราได้มาทดสอบมี RAM 4GB และ ROM 64 GB แต่หากเป็นรุ่น 128 GB ราคาจะอยู่ที่ 7,999 บาท ส่วนชิพประมวลผล 3D ใช้ Adreno 610
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/Xiaomi-Mi-A306339-800x451.jpg)
เปรียบเทียบดู YouTube แบบไม่เต็มจอ และแบบเต็มจอ
แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ถึง 4,030 mAh รองรับการชาร์จเร็วถึง 18 วัตต์ด้วยเทคโนโลยี Quick charge 3.0 โดยจะต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่ม ซึ่งในกล่องจะเป็นอแดปเตอร์ขนาด 10 วัตต์ หรือ 5 โวลท์, 2 แอมป์
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/Screenshot_20190821-111727-800x369.png)
เกม PUBG Mobile แนะนำให้ปรับความละเอียดต่ำสุด
![Xiaomi Mi A3](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/A2-800x561.png)
ทดสอบความเร็วด้วยแอพฯ Antutu
ปลดล็อคด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอในราคาถูกที่สุด
ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยแบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นรุ่นที่มีราคาถูกที่สุด จากที่ต้องซื้อกันในราคาหลักหมื่น มาถึงรุ่นนี้ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาไม่ถึง 7 พันบาทก็สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้แบบเท่ๆ บันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 นิ้ว สามารถนำไปใช้ปลดล็อคหน้าจอและนำไปใช้ร่วมกับแอพฯ อื่นที่รองรับได้ สำหรับการปลดล็อคหน้าจอก็เพียงแค่หยิบขึ้นมา หน้าจอจะปรากฎลายนิ้วมือบนหน้าจอให้เราทาบนิ้วได้ถูกตำแหน่งเซ็นเซอร์ ไม่ต้องเปิดหน้าจอเพื่อปลดล็อคหลายขึ้นตอน จากการทดสอบสามารถทำได้ค่อนข้างแม่นยำประมาณ 80% ซึ่งบางครั้งอาจจะสแกนไม่ติดเพราะวางนิ้วไม่ถูกตำแหน่ง หรือนิ้วมือเปียกชื้น
สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ถนัดในการปลดล็อคลายนิ้วมือบนหน้าจอก็เลือกใช้ปลดล็อคด้วยใบหน้าได้ ซึ่งก็สะดวกรวดเร็วไม่แพ้กัน แต่ก็จะมีข้อเสียตรงที่ปลดล็อคในที่มืดไม่ได้เหมือนกับรุ่นอื่นๆ
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ พร้อมรองรับ Fast charge 18 วัตต์
แบตเตอรี่ขนาด 4,030 mAh เทียบกับขนาดเครื่องแล้วถือว่าค่อนข้างใหญ่เกินตัว พร้อมรองรับระบบ Fast charge 18 วัตต์ แต่ภายในกล่องมีแถมอแดปเตอร์แบบธรรมดา 5 โวลท์ 2 แอมป์ หรือ 10 วัตต์ หากต้องการชาร์จเร็วก็จะต้องหาซื้อมาใช้เอง ซึ่งตอนนี้มีจำหน่ายหลายแบรนด์ ราคาเพียงจำหน่ายไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น จากการทดสอบชาร์จด้วยอแดปเตอร์ 18 วัตต์ ใช้เวลาชาร์จเต็มเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง แต่หากใช้อแดปเตอร์ 10 วัตต์ที่มีมาให้ในกล่องใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ถือว่ารอไม่นานถ้าเทียบกับแบตเตอรีที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาชาร์จนานขึ้น
จัดเต็มกล้องดิจิตอล 3 เลนส์ 48 ล้านพิกเซล AI Camera
ไม่น่าเชื่อว่า Mi A3 จะมีกล้องดิจิตอลความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล เท่านั้นยังไม่พอ ยังจัดเลนส์มาให้ถึง 3 แบบ ทั้งเลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซล, Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล 118 องศา, และเลนส์ระยะปกติ โดยเลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพของ Sony ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล F/1.79 สำหรับถ่ายในสภาพแสงปกติ แต่หากถ่ายในที่แสงน้อย กล้องจะปรับให้ใช้เซ็นเซอร์ 4 พิกเซลในการรับแสง และรวมเป็น 1 พิกเซล หรือ 4 in 1 Super Pixels ทำให้ภาพเหลือความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แต่มีความสว่างขึ้นเพิ่มขึ้น และยังสามารถถ่ายภาพในโหมดโปร สามารถปรับรูรับแสง, สปีดชัตเตอร์ และค่า ISO ได้ตามความต้องการ
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลก็มีระบบ AI Portrait Selfie ที่ช่วยปรับใบหน้าอัตโนมัติ มีโหมดการถ่ายภาพ และปรับแต่งภาพให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับความเบลอของฉากหลัง ใส่ฟิลเตอร์สีในแบบต่างๆ
นอกจากนี้การถ่ายวิดีโอยังสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงถึง 4K 30 เฟรมต่อวินาที ซึ่งหากเป็นแบรนด์อื่นหากจะถ่ายความละเอียด 4K จะมีราคาหมื่นบาทขึ้นไป ส่วนการถ่ายคลิปวิดีโอสโลโมชั่นสามารถถ่ายได้ที่ 240 เฟรมต่อวินาที
บทสรุป รีวิว Xiaomi Mi A3 จากความคิดเห็นของ What Phone
ต้องบอกเลยว่าค่าตัวของ Mi A3 ในราคา 6,999 บาทนั้นถือว่าคุ้มมาก เพราะนอกจากดีไซน์จะสวยงาม และเลือกใช้วัสดุเป็นกระจก Gorrilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้ว กล้องดิจิตอลยังจัดเต็มมาให้ทั้งระบบ AI และ 3 เลนส์ ถ่ายภาพได้ทุกช่วงระยะ มีระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้พร้อม สเป็คการใช้งานอาจจะไม่แรงเท่าเรือธง แต่ด้วยสเป็คหน่วยประมวลผลระดับนี้ก็สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างสบายๆ หมดห่วงเรื่องอัพเดท เพราะได้อัพเดทยาวๆ 2 ปี ได้ใช้ Android 10 อย่างแน่นอน หากคิดว่างบประมาณจำกัด เราขอแนะนำ Mi A3 ให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เพราะราคานี้คุ้มค่าจริงๆ
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/A7.png)
Android One อัพเดทได้ยาวๆ ไม่ต้องกลัวโดนลอยแพ
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/A8.png)
Google Lens แปลภาษาได้ทั้งย่อหน้า
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/A9-800x564.png)
Android One มาพร้อมบริการ Google Assistant
ตัวอย่างภาพจากกล้อง Xiaomi Mi A3
สเปค Xiaomi Mi A3
- ขนาดตัวเครื่อง 53.48 x 71.85 x 8.475 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 173.8 กรัม
- หน้าจอ AMOLED แบบ Dot Drop ขนาด 6.088 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1560 x 720 พิกเซล) อัตราส่วน 19.5:9 กระจก Corning Gorilla Glass 5 แบบโค้ง 2.5D
- กล้องหลัง AI Triple Camera
- กล้องหลักความละเอียด 48MP เลนส์ 6 ชิ้น รูรับแสง f/1.79
- กล้องเลนส์มุมกว้าง 118 องศา ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2
- กล้องชัดลึกความละเอียด 2MP
- บันทึกวิดีโอ 4K 30fps
- กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล เลนส์ 5 ชิ้น รูรับแสง f/2.0 มุมกว้าง 79 องศา
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 665 สถาปัตยกรรม 11 นาโนเมตร FinFET
ชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 610 - RAM 4GB แบบ LPDDR4x
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ UFS 2.1 ความจุ 64GB (มีรุ่น 4GB+128GB ให้เลือกเพิ่มเติม)
- รันบนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie เข้าโครงการ Android One
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,030mAh รองรับ Quick Charge 3.0 และ Fast Charge 18W (ต้องซื้อแยก)
- 4G สองซิม
- การเชื่อมต่อ 802.11a/b/g/n/ac, บลูทูธ 5.0, อินฟาเรด
- มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว, สีฟ้า และสีดำ
- ราคา 6,999 บาท
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2016/04/whatphone-logo2-3.png)
You must be logged in to post a comment.