ซัมซุงกาแลคซี่ S9 และ S9+ มีการเปลี่ยนดีไซน์จาก Galaxy S8 และ S8+ เล็กน้อย โดยออกแบบตัวเครื่องให้มีความโค้งมน จับถือถนัดมือมากขึ้น พร้อมเสริมความพรี่เมี่ยมด้วยวัสดุ Aluminuim 7000 Series ครั้งแรกบน Galaxy S รวมถึงมีการย้ายตำแหน่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาไว้ข้างล่างของกล้อง ยังคงแข็งแกร่งด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้า และ ด้านหลัง รวมถึงครั้งแรกบน Galaxy S9+ ที่หันมาใช้กล้องคู่ ส่วน Galaxy S9 ยังคงเป็นกล้องเดี่ยว

ด้านหน้าของซัมซุงกาแลคซี่ S9 พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าจอแสดงผล 5.8 นิ้ว และ ซัมซุงกาแลคซี่ S9+ มีหน้าจอขนาดใหญ่พิเศษ 6.2 นิ้ว โดยทั้ง 2 รุ่นใช้หน้าจอแบบ Super AMOLED มีความละเอียดหน้าจอมาตรฐานอยู่ที่ 2220 x 1080 พิกเซล (QHD+) เหนือขอบจอด้านบนเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F1.7) และ มีเซ็นเซอร์ Iris Scanner สำหรับสแกนม่านตาซ่อนอยู่ใต้ Black bazel

ด้านซ้ายของเครื่องมีปุ่มวอลลุ่มจัดวางอยู่ ถัดลงมาคือปุ่ม Bixby

บริเวณด้านขวามีเพียงปุ่มพาวเวอร์ที่ทำหน้าที่ต่างๆ ทั้งการเปิด-ปิดตัวเครื่องและหน้าจอ โดยขอบข้างตัวเครื่องใช้วัสดุโลหะอลูมิเนียมซีรี่ย์ 7000

ส่วนบริเวณด้านบนจะเป็นส่วนของถาดใส่ซิมการ์ดและช่องไมโครโฟน โดยใน 2 รุ่นนี้รองรับ Nano Sim ทั้ง 2 ช่อง แบบสลอต Hybrid

ส่วนด้านล่าง เริ่มจากช่องหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. พอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C ไมโครโฟนอีก 1 ช่อง และ ลำโพงแบบสเตอริโอที่ Tuned by AKG

ด้านหลังเป็นตำแหน่งของกล้องถ่ายภาพ 12 ล้านพิกเซล (F.1.5/2.4) ของ S9 และ กล้องคู่ 12+12 MP (F.1.5/2.4 กับ F.2.4) ใน S9+ มาพร้อมกับแฟลช LED รวมถึง Heart Rate Sensor และ มีการย้ายตำแหน่งสแกนลายนิ้วมือมาไว้ข้างล่างกล้อง

Super low and bright light Camera

• กล้องหลังมีรูรับแสงกว้าง F.1.5 / 2.4 (สามารถเลือกปรับค่า F ได้ในโหมด Pro)
• พร้อมกับระบบกันสั่น OIS (Dual OIS สำหรับ Galaxy S9+)
• สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลด Noise ได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับ Galaxy S8

• สามารถถ่ายวีดีโอ Super Slow Motion (960 fps) ที่ความละเอียด HD (720p) พร้อมระบบ Auto-Detection และ ยังมี Backgroud music ให้เลือกประกอบวีดีโอมากมาย รวมถึงยังเซฟเป็นไฟล์ gif แชร์ไปยังโลกโซเชี่ยลได้อย่างง่ายๆ

AR Emoji (3D face)

• ลูกเล่นใหม่ของ Samsung Galaxy S9 / S9+ โดยใช้กล้องหน้าถ่ายภาพบุคคลพร้อมแปลงโฉมเป็นตัวการ์ตูนน่ารักๆ ให้เลือกหลายแบบ รวมถึง สีผม แว่นตา สีผิว ออกมาในรูปแบบสติ้กเกอร์ 3D ที่สามารถอัดได้ทั้งวีดีโอ และ ภาพนิ่ง รวมถึงไฟล์ Gif ไว้แชร์ลงในโลกโซเชี่ยลได้อย่างง่ายดาย

Bixby ที่ฉลาดมากขึ้น

• Live Translation เพียงแค่ส่องกล้องไปที่ภาษาที่อยากจะแปล Bixby ก็จะช่วยแปลให้ทันที
• Bixby Vision มาพร้อมกับความสามารถของ AR ที่จะทำให้การค้นหาสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง หรือ โลเคชั่นต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงได้อย่างง่ายดาย

ความรู้สึกเมื่อแรกสัมผัส

หลังจากที่ได้สัมผัส และ ทดลองใช้งานซัมซุงกาแลคซี่ S9 และ ซัมซุงกาแลคซี่ S9+ พบว่าทั้ง 2 รุ่นนี้มีความเปลี่ยนแปลงจากซัมซุงกาแลคซี่ S8 และ ซัมซุงกาแลคซี่ S8+ อยู่เล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ถือว่าไม่น่าผิดหวังแต่อย่างใด เพราะทางซัมซุงชูจุดเด่นเรื่องกล้องหลังที่มีรูรับแสงกว้าง F.1.5 รุ่นแรกของโลก ที่ให้ประสบการณ์การภ่ายภาพในที่แสงน้อยอย่างเต็มประสิทธิภาพ มี AR Emoji ที่น่ารัก ลำโพงสเตอริโอที่ Tuned by AKG รวมถึง Bixby ที่มีความฉลาดมากขึ้น ขนาดของตัวเครื่องก็มีความบางลงอย่างเห็นได้ชัดแม้จะมีขนาดแบตเตอรี่เท่าเดิม

ราคา และ วันวางจำหน่าย

ซัมซุงประเทศไทยร่วมกับ Operator ทั้ง Ais , Dtac , True และ ร้านค้าออนไลน์ชื่อดัง อย่าง LAZADA , S-estore พร้อมเปิดจองซัมซุงกาแลคซี่เอส 9 | เอส 9 พลัส ในวันที่ 27 ก.พ. – 5 มี.ค 2018 นี้ พร้อมรับเครื่องได้ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. – 11 มี.ค (สำหรับ Galaxy S9+ รุ่นความจุ 256 gb รับเครื่องตั้งแต่วันที่ 29 – 31 มีนาคม 2018)

Samsung Galaxy S9

• ความจุ 64 gb ราคา 27,900 บาท

Samsung Galaxy S9+

• ความจุ 64 /128 /256 gb ราคา 31,900 / 33,900 / 37,900 บาท

ทั้งนี้ก็มาพร้อมกับ 3 สีแรกก่อนโดยมีสี Midnight Balck , Coral Blue , Lilac Purple พร้อมรับสิทธิพิเศษประกันจอแตกนาน 1 ปี และ ฟรี! Wireless Charger สำหรับผู้ที่สั่งจองล่วงหน้า สำหรับวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คือ วันที่ 16 มีนาคม 2018 โดยเริ่มขายซัมซุงกาแลคซี่ S9 | S9+ รุ่น 64 gb ก่อน แล้วความจุอื่นจะตามมาทีหลัง ไม่นานเกินรอแน่นอนครับ

ทาง Whatphone มีคลิปพรีวิวมาฝากด้วยนะครับ