• Facebook
• Twitter
• Line

Xiaomi เปิดตัว Xiaomi Mi 10 Pro และ Mi 10 แล้ว โดยทั้งคู่มีกล้องหลังสี่ตัว ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 865 และมีกล้องหน้าแบบ Punch-Hole บนหน้าจอ

จุดร่วมของทั้งสองรุ่นก็คือกล้องหลังหลักที่มีความละเอียด 108 Megapixel เหมือนกับที่เราเห็นมาแล้วใน Xiaomi Mi Note 10 และระบบเชื่อมต่อแบบไร้สายรุ่นใหม่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น 5G มาตรฐาน SA และ NSA และ Wi-Fi 6

Xiaomi Mi 10 Pro

Mi 10 Pro ใช้หน้าจอโค้งด้านข้าง และมีขนาดใหญ่ถึง 6.67 นิ้วด้วยกัน ตัวจอเป็น AMOLED ทำให้รองรับอัตรารีเฟรชเรทสูงสุดอยู่ที่ 90Hz และอัตรารีเฟรชสัมผัสหน้าจออยู่ที่ 180Hz สำหรับความสว่างสูงสุดนั้นอยู่ที่ 1200nit และปรับระดับความสว่างได้ทั้งหมด 4096 ระดับด้วยกัน

สำหรับกล้องนั้นไล่จากข้างบนลงมาได้แก่

• 108 Megapixel (Main)
• 8 Megapixle (Telephoto)
• 12 Megapixel (Portrait)
• 20 Megapixel (UltraWide)

ตัวกล้องมีระบบกันสั่นทั้ง OIS (ฮาร์ดแวร์) และ EIS (ซอฟท์แวร์) กับ AI ที่จะช่วยปรับแต่งภาพให้ทั้งการถ่ายภาพนิ่ง และถ่ายวิดิโอ โดยสามารถถ่ายวิดิโอได้สูงสุดที่ 8K ด้วยกัน

สำหรับความจุและหน่วยความจำนั้นแยกออกเป็นสามรุ่นด้วยกัน ได้แก่

• RAM 8GB, Storage 256GB (ราคา 4,999 หยวน หรือราวๆ 22,300 บาท)
• RAM 12GB, Storage 256GB (ราคา 5,499 หยวน หรือราวๆ 24,500 บาท)
• RAM 12GB, Storage 512GB (ราคา 5,999 หยวน หรือราวๆ 27,000 บาท)

หน่วยความจำทั้งหมดเป็น LPDDR5 ที่มีความเร็วเพิ่มขึ้นจากของเดิมมาก และพื้นที่เก็บข้อมูลก็เป็น UFS 3.0 ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า UFS 2.1 ราวๆ สองเท่าด้วยกัน ส่วนแบตเตอรีมีขนาด 4,500 mAh รองรับการชาร์จไฟแบบมีสายสูงสุดที่ 50W และแบบไร้สายสูงสุดที่ 30W ส่วนการชาร์จไฟแบบไร้สายให้อุปกรณ์อื่น (เช่นหูฟัง) สามารถจ่ายไฟได้ที่ 10W

รุ่น Mi 10 Pro นี้จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนวันที่ 18 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป มีให้เลือกสองสีด้วยกันได้แก่สีน้ำเงิน และสีขาว

Xiaomi Mi 10

สำหรับรุ่น Mi 10 ธรรมดานั้นยังคงมีหน้าจอโค้งขนาด 6.67 นื้วแบบ AMOLED และกล้องหลัง 108 Megapixel อยู่ แต่เลนส์ Tele ถูกลดขนาดเหลือเพียง 2 Megapixel เท่านั้น ส่วนเลนส์ Portrait ก็กลายเป็น Macro ความละเอียด 2 Megapixel แทน ส่วน UltraWide นั้นแม้จะยังอยู่เหมือนเดิม แต่ก็ถูกลดขนาดลงเหลือ 13 Megapixel เท่านั้น

สเปคที่เหลือยังคงเหมือนเดิม คือ Snapdragon 865, RAM แบบ LPDDR5 และพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 3.0 และสามารถถ่ายวิดิโอ 8K ได้ ข่าวดีก็คือสเปคมีการอัพเกรดเล็กน้อยตรงแบตเตอรีขยายเป็น 4,780 mAh แต่รองรับการชาร์จไฟแบบมีสายสูงสุดที่ 30W เท่านั้น ส่วนการชาร์จไฟไร้สายยังเหมือนเดิม คือชาร์จเข้าเครื่องได้ที่ 30W ส่วนชาร์จอุปกรณ์อื่นสามารถจ่ายไฟได้ที่ 10W เท่าเดิม

สำหรับ Xiaomi Mi 10 มีกำหนดวางจำหน่ายก่อนรุ่น Pro คือจะเริ่มขายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หนึ่งวันหลังเปิดตัวเวลา 10 โมงเช้า โดยจะมีให้เลือกสามสี ได้แก่ Peach Gold, Green, Black ราคาแบ่งออกตามหน่วยความจำดังนี้

• RAM 8GB, Storage 128GB (ราคา 3,999 หยวน หรือราวๆ 17,850 บาท)
• RAM 8GB, Storage 256GB (ราคา 4,299 หยวน หรือราวๆ 19,200 บาท)
• RAM 12GB, Storage 256GB (ราคา 4,699 หยวน หรือราวๆ 21,000 บาท)

แต่เดิมนั้นรุ่น Global มีกำหนดเปิดตัวที่งาน Mobile World Congress ปลายเดือนนี้ แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธ์ใหม่ทำให้ GSMA ประกาศยกเลิกงานดังกล่าว คาดว่าหลังจากนี้ Xiaomi น่าจะเผยรายละเอียดว่าจะจัดงานเปิดตัวสำหรับขายทั่วโลกทางช่องทางใด

ที่มา – GSMArena

• Facebook
• Twitter
• Line