Microsoft ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย โดยเปิดตัวอาวุธใหม่สองอย่างด้วยกัน ได้แก่ระบบปฏิบัติการ Windows 10 S และโน้ตบุค Microsoft Surface Laptop
Microsoft Surface Laptop
ขออนุญาตเริ่มต้นที่ฮาร์ดแวร์ก่อน Surface Laptop นั้นจัดว่าเป็นโน้ตบุคที่สวยที่สุดตัวหนึ่งในวงการเลยทีเดียว โดยตัวเครื่องมีขนาดหน้าจอ 13.5 นิ้ว (2556 x 1504 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 3:2) กระจกหน้าจอเป็น Gorilla Glass 3 รองรับการสัมผัส และเขียนด้วยปากกา ทาง Microsoft ระบุว่าพาแนลของหน้าจอนี้บางที่สุดในโลกสำหรับโน้ตบุคที่รองรับทัชสกรีน และมีการปรับสีให้ตรงกับความเป็นจริงตั้งแต่โรงงาน ดีไซน์เนอร์และศิลปินไม่ต้องกังวลเรื่องสีเพี้ยนแต่อย่างใด
คีย์บอร์ดนั้นจะมีไฟเรืองแสงข้างใต้ ปุ่มสูงเพียง 1.5 มม เท่านั้น ไม่มากไม่น้อยเกินไปสำหรับการใช้งาน วัสดุรอบๆ คีย์บอร์ดเป็น Alcantara เส้นใยที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนตร์ (เหมือนคีย์บอร์ดของ Surface 4) ข้างใต้ซ่อนลำโพงเอาไว้ โดยทาง Microsoft ต้องการให้เครื่องบางที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะชนกับ MacBook Air และ MacBook Pro นั่นเอง โดยตัวเครื่องนั้นฝาบนหนาเพียง 1 เซนติเมตรเท่านั้น เมื่อพับลงมาแล้วจะหนา 1.5 เซนติเมตร และทั้งเครื่องหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น
ตัวเลือกนั้นมีหลากรุ่นพอสมควร โดยหน่วยประมวลผลจะเป็น Intel Kaby Lake ทั้งหมด ได้แก่ Core i5 และ Core i7 โดยความแตกต่างนอกจาก CPU แล้วรุ่น Core i5 จะใช้ตัวประมวลผลกราฟฟิคออนบอร์ด Intel HD 620 IGP ขณะที่ Core i7 จะใช้ Intel Iris Plus Graphic 640 ที่ดีกว่ากันค่อนข้างมาก
ทาง Microsoft ข่มว่า Core i5 ที่ใช้นั้นแรงกว่า Core i7 ของ MacBook Air อยู่ราวๆ 50% (แหม CPU ห่างกันตั้งหลายปีนะ)
ตัวเลือกเพิ่มเติมก็คือหน่วยความจำ RAM เลือกได้ตั้งแต่ 4GB / 8GB / 16GB ตามกำลังทรัพย์ ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลนั้นเป็น SSD ที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต PCI Express ทำให้ได้ความเร็วสูง รุ่นสูงสุดมีความจุ 1TB
ยัง! ยังไม่หมด ทาง Microsoft อวดว่าตัวเครื่องนั้นใช้ระบบระบายความร้อนที่เงียบสนิท แต่ยังคงระบายความร้อนได้ดี ทำให้แบตเตอรีทำงานยาวได้สูงสุดที่ 14.5 ชั่วโมง แน่นอนว่าต้องเอามาข่มว่าอยู่ได้นานกว่าเครื่อง MacBook Air และเบากว่าอีกด้วย
Surface Laptop จะเป็น Surface รุ่นแรกจาก Microsoft ที่ใช้ระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดอย่าง Windows 10 S ซึ่งผู้ใช้งานสามารถจ่ายเงินเพื่ออัพเกรดขึ้นเป็น Windows 10 Pro ได้ในภายหลัง ราคาเริ่มต้นรุ่นล่างสุดอยู๋ที่ $999 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 34,500 บาท) โดยในสหรัฐจะมีให้เลือกตั้งแต่สีเทา ฟ้า ทอง และแดง ข่าวร้ายก็คือตัวเลือกหลากสีนี้จะเป็นรุ่น Core i5, RAM 8GB และ SSD 256GB เท่านั้น ถ้าปรับแต่งหรือเลือกรุ่นอื่นก็จะไม่มีตัวเลือกสีต่างๆ ผู้ที่ซื้อไปจะได้รับสิทธิ์ใช้งาน Office 365 Personal และ OneDrive 1TB ฟรีเป็นเวลาหนึ่งปี เริ่มขายในสหรัฐอเมริกา 15 มิถุนายนนี้
Windows 10 S
นอกจาก Microsoft เปิดตัว Surface Laptop แล้วในงานเดียวกันก็ได้เปิดตัว Windows 10 S ด้วย เป้าหมายคือนำมาแข่งขันกับ Chrome OS ที่ได้รับความนิยมบนโน้ตบุคราคาถูก โดยความแตกต่างจากรุ่นปกติคือจะรันแอพทั่วๆ ไปในอดีตไม่ได้เลย จะต้องเป็นแอพที่ติดตั้งผ่าน Windows Store เท่านั้น
ถ้าถามว่าถอดฟีเจอร์เก่าๆ ออกไปแล้วจำกัดให้ใช้เฉพาะผ่าน Windows Store ถือเป็นข้อดีตรงไหน? คำตอบก็คือผู้ดูแลสามารถควบคุมตัวแปรการใช้งานได้ดีขึ้นมาก เนื่องจากจะไม่สามารถติดตั้งแอพใดๆ ได้ รวมไปถึงแอพประสงค์ร้ายที่อาศัยช่องโหว่ในระบบเพื่อโจมตีระบบปฏิบัติการ ขโมยข้อมูล หรือควบคุมจากระยะไกลได้ เนื่องจากแอพที่ติดตั้งจาก Windows Store จะถูกควบคุมใน Sandbox อีกที ไม่สามารถทะลุออกมาโจมตีระบบทั้งหมดได้
เป้าหมายของ Windows 10 S คือภาคการศึกษาอย่างโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ และคอมพิวเตอร์ที่มีราคาต่ำมากๆ เช่น $189 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะมีสเปคที่ค่อนข้างต่ำ และไม่สามารถรัน Windows 10 ตัวเต็มได้อย่างไหลลื่น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ระบบปฏิบัติการคู่แข่งอย่าง Chrome OS ที่จับตลาดราคาถูกเช่นนี้อยู่
Microsoft ระบุว่าถ้าใครซื้อ Windows 10 S ไปจะสามารถใช้งาน Minecraft Education Edition กับ Office 365 Education และ Microsoft Teams ได้ฟรีเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม
สำหรับโรงเรียนหรือภาคการศึกษาที่ใช้งาน Windows อื่นๆ อยู่แล้วในโรงเรียนต้องการจะลดลงมาใช้งาน Windows 10 S ก็สามารถทำได้ฟรี แต่จะต้องแลกกับการที่ไม่สามารถติดตั้งแอพนอก Windows Store ได้ อันนี้ก็แล้วแต่ว่าโรงเรียนมีเงื่อนไขการใช้โปรแกรมอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เพราะ Windows 10 S จัดว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่มีฟีเจอร์น้อยกว่า Windows 10 ตัวอื่นๆ พอสมควรเลยทีเดียว
ที่มา – Tech Report, Engadge (1), (2)
You must be logged in to post a comment.