• Facebook
• Twitter
• Line

หลังจากที่สมาร์ทแทร็คเกอร์ หรืออุปกรณ์สวมใส่อย่าง Galaxy Fit2 ได้ห่างหายไปหลายปี ถึงคราวที่ Samsung จะเปิดตัว Galaxy Fit3 รุ่นใหม่ว่าสุดที่ได้พัฒนาให้มีหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น สวมใส่สบายกับขนาดที่บางลงกว่าเดิม ติดตามข้อมูลการเคลื่อนไหวได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาแกะกล่องดูกันว่า Galaxy Fit3 รุ่นใหม่นี้ทำอะไรได้บ้าง

แกะกล่องลองเล่น Galaxy Fit3

เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้

• Samsung Galaxy Fit3 สี Silver
• สาย USB-C ชาร์จแบตเตอรี่
• คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

Slim Design สวมใส่สบายตลอด 24 ชั่วโมง

Galaxy Fit3 อัพเกรดให้มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น มองเห็นได้เต็มตา และยังมีดีไซน์แบบ Slim ที่บางลง 10% ทำให้สวมใส่สบายมากยิ่งขึ้นตลอดทั้งวัน แม้กระทั่งนอนหลับ เครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Silver โดยตัวเรือนเป็นสีเงินที่ทำจากวัสดุอะลูมิเนียม แข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา ส่วนสายของสีนี้มาเป็นสายซิลิโคนสีขาว ยืดหยุ่น ทำความสะอาดง่าย และไม่อมความชื้น นอกจากนี้ยังมีสี Pink Gold และ Gray ให้เลือกอีกด้วย

จอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาดใหญ่ 1.6 นิ้ว ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 48% ความละเอียดหน้าจอ 256 x 402 พิกเซล ความหนานแน่น 302 PPI กระจกหน้าจอแบบโค้ง 2.5D สั่งงานง่ายด้วยการสัมผัสหน้าจอ สามารถปัดซ้าย, ขวา เพื่อเลื่อนดูข้อมูลต่างๆ ปัดบนลงล่างเพื่อตั้งค่า Quick Setting และปัดล่างขึ้นบนเพื่อเข้าสู่เมนูการใช้งาน จากการใช้งานถือว่าทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว

ด้านข้างขวามีปุ่มที่ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกดค้างเพื่อเปิดปิดเครื่อง, กดลงไป 1 ครั้งเพื่อไปยังหน้าจอหลัก และหากกด 2 ครั้งเป็นปุ่มลัดเข้าสู่เมนูการออกกำลังกายอย่างรวดเร็ว หรือตั้งค่าเป็นเมนูอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าขอความช่วยเหลือโดยกด 5 ครั้งจะเป็นการโทรออกไปยังเบอร์โทรฉุกเฉินที่ตั้งค่าเอาไว้ ใกล้ๆ ปุ่มกดนี้ยังมีรูเล็กๆ เป็นเซ็นเซอร์วัดความกดอากาศ หรือ Barometer

ด้านหลังของ Galaxy Fit3 มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือ Heart Rate Sensor มีไฟ LED เป็นสีเขียว และเซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 มีไฟส่องสว่างเป็นสีแดง นอกจากนี้ยังมี POGO Pin 2 จุดเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ มีแม่เหล็กดูดให้ยึดติดกันขณะชาร์จ แต่หากใส่ผิดด้าน แม่เหล็กจะผลักออกจากกันเพื่อป้องกันการชาร์จผิดด้าน สำหรับสายชาร์จของรุ่นนี้เป็นพอร์ต USB-C สามารถชาร์จได้กับอะแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟน หรือพอร์ต USB-C ของคอมพิวเตอร์ก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีปุ่มกดเพื่อถอดเปลี่ยนสายที่ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ใช้ปลายเล็บกดลงไป และเมื่อใส่สายใหม่ก็เพียงแค่กดลงไปให้ดังแกร๊กก็สามารถใช้งานได้ทันที

สายซิลิโคนสีขาวมีน้ำหนักเบาพื้นผิวเรียบ มีความนุ่มนวลต่อผิวหนัง จึงสวมใส่ได้สบาย ตลอดทั้งวัน รวมไปถึงการใส่เข้านอนก็ไม่รู้สึกอัดอัดแต่อย่างใด ปลายสายมีช่องเก็บเรียบร้อย ไม่เกะกะ ตัวสายซิลิโคนมีมาให้ขนาดเดียว แต่สามารถใส่ได้ทั้งข้อมือขนาดเล็ก และข้อมือขนาดใหญ่ของผู้ชายได้

เชื่อมต่อง่ายกับแอปฯ Galaxy Wearable เพื่อซิงค์ข้อมูลและเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา

ก่อนการใช้งาน Galaxy Fit3 จะต้องเสียบชาร์จแบตเตอรี่ก่อนเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม จากนั้นเปิดเครื่องแล้วนำไปวางใกล้ๆ กับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy จะมี Pop-up ขึ้นมาให้กดเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ หรือหากใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟน Android แบรนด์อื่นๆ ก็สามารถดาวน์โหลดแอปฯ Wearable เพื่อเชื่อมต่อก็ได้เช่นกัน แต่จะไม่รองรับระบบปฏิบัติการ iOS เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้วก็ทำการตั้งค่าต่างๆ และอัพเดท Firmware ให้เรียบร้อยก็สามารถใช้งานได้ทัน

นอกจากการซิงค์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟนแล้ว ยังสามารถตั้งค่าสมาร์ทแบนด์ เลือกเปลี่ยน และดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกาใหม่ๆ หรือ Watch faces ได้ มีให้เลือกมากมายหลายแบบ ทั้งแบบนาฬิกาแบบตัวเลข แบบเข็มอนาล็อค แบบภาพกราฟิคให้เลือกฟรีถึง 100 แบบ และยังสามารถนำภาพที่อยู่ใน Gallery มาใช้เป็นภาพพื้นหลัง Watch faces ก็ได้เช่นกัน

เก็บข้อมูลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งการนอนหลับ พร้อมระบบตรวจจับการล้ม

ทุกการเคลื่อนไหวร่างกายจะถูกเก็บข้อมูลลงใน Galaxy Fit3 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนอน การออกกำลังกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด หรือแม้กระทั่งความเครียดก็สามารถกดดูข้อมูลได้จากบนข้อมือโดยเก็บข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่อยู่บน Galaxy Fit3 และยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการล้ม พร้อมส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินที่ได้ตั้งค่าไว้ เหมาะกับผู้สูงอายุที่อยู่ลำพัง

ข้อมูลเหล่านี้สามารถดูได้อย่างละเอียดจากแอปฯ Samsung Health นอกจากนี้ยังสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นจากการตั้งค่า Goal หรือเป้าหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินที่ควรจะเดินให้ได้วันละ 10,000 ก้าว, เคลื่อนไหวร่างกายให้ได้อย่างน้อยวันละ 90 นาที, นอนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง เป็นต้น ซึ่งหากทำไม่ถึงเป้าหมาย ก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างเช่น เดินให้มากขึ้น พักผ่อนให้มากขึ้น เป็นต้น

โหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด พร้อมตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ

จากเดิมในรุ่นก่อนรองรับการออกกำลังกายเพียง 90 โหมด มาถึงรุ่นนี้อัพเกรดให้รองรับการออกกำลังกายมากถึง 100 โหมด มีระบบตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ 6 ประเภท ไม่ว่าจะเป็น การเดิน, การวิ่ง, การออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรี (Elliptical), การออกกำลังกายด้วยเครื่องกรรเชียงบก (Rowing Machine), การว่ายน้ำ, และ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Dynamic Workout) สามารถดูข้อมูลขณะออกกำลังกายได้บนข้อมือ ตัวเรือนมีระบบป้องกันน้ำ และฝุ่นมาตรฐาน IP68 กันน้ำลึกได้ถึง 5 ATM หรือประมาณ 50 เมตร สามารถสวมใส่ว่ายน้ำได้ทันที

สำหรับการเล่นกีฬากลางแจ้ง ต้องการให้บันทึกเส้นทาง และระยะทาง ต้องใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนเพื่อที่จะระบุตำแหน่ง ความเร็ว ความสูง ผ่านภาครับ GPS ของสมาร์ทโฟน

บทสรุป รีวิว Samsung Galaxy Fit3 จากความเห็นของ What Phone

การกลับมาของ Galaxy Fit3 ครั้งนี้ถือว่า Samsung ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ทั้งการเลือกใช้วัสดุที่แข็งแรง มีน้ำหนักเบา สวมใส่สบายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใส่นอนก็ยังไม่รู้สึกอึดอัด จอแสดงผลมีขนาดใหญ่ สีสันสวยงาม มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดต่างๆ มากมาย  มีฟังก์ชั่นการตรวจวัดสุขภาพขั้นพื้นฐานอย่างครบถ้วน สามารถกดดูข้อมูลต่างๆ ได้จากบนหน้าจอขนาดใหญ่ของสมาร์ทแบนด์ได้เลย สำหรับการใช้งานตามสเปกแล้วสามารถใช้งานได้นานสูงสุด 13 วัน จากการทดสอบใช้งานจริง เปิดฟังก์ชั่นทุกอย่างให้ตรวจวัดค่า Heart rate, SpO2 ตลอด 24 ชม. เปิดหน้าจอ Always on Display ก็ยังสามารถใช้งานได้นานประมาณ 3 วัน แต่หากปิดหน้าจอ Always on Display จะใช้งานได้ประมาณ 5-6 วัน ถือว่าใช้งานได้นานพอสมควร ไม่ต้องชาร์จทุกวัน

นอกจากนี้ Galaxy Fit3 ยังมีระบบสั่น พร้อมแจ้งเตือนภาษาไทย แจ้งเตือนสายเรียกเข้า และสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนแอปฯ ต่างๆ ได้ครบถ้วน กับราคา 1,990 บาท อาจจะซื้อใส่เอง หรือให้ญาติผู้ใหญ่ที่ต้องการการดูแลในเรื่องของการหกล้มที่มาพร้อมการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว

สรุปจุดเด่น สเปก Samsung Galaxy Fit3

• ขนาด 42.9 x 28.8 x 9.9 มม. น้ำหนัก 18 กรัม (ไม่รวมสาย), น้ำหนัก 36.8 กรัมเมื่อรวมสาย
• หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 1.6 นิ้ว ความละเอียด 256 x 402 พิกเซล 
• หน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัส 
• แบตเตอรี่  208 mAh ใช้งานได้สูงสุด 13 วัน
• เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Optical Heart Rate, Barometer, Light Sensor, SpO2
• เชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth 5.3
• ระบบปฏิบัติการ FreeRTOS
• หน่วยความจำ 16MB + 256MB
• รองรับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy และระบบปฏิบัติการ Android
• มาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่น IP68 + 5ATM
• รองรับโหมดการออกกำลังกาย 100 รูปแบบ
• แจ้งเตือนด้วยระบบสั่นในตัว
• ใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น Galaxy Wearable และ Samsung Health
• รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ
• ราคา 1,990 บาท
• มีให้เลือก 3 สี Pink Gold, Silver ,Gray

การวางจำหน่าย

Galaxy Fit3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ samsung.com และ Samsung Official Store บน Shopee และ Lazada หรือหน้าร้านที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 1,990 บาท

• Facebook
• Twitter
• Line