Comparison

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Watch4 และ Apple Watch Series 6 มีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง

เปรียบเทียบของเราคราวนี้จะขอนำสมาร์ทวอช 2 รุ่นที่วางจำหน่ายไปแล้วสักพักอย่าง Apple Watch Series 6 และ Samsung Galaxy Watch4 ทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างกันอย่างไร

สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทวอชคู่ใจสักเรือน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี บทความเปรียบเทียบของเราคราวนี้จะขอนำสมาร์ทวอช 2 รุ่นที่วางจำหน่ายไปแล้วสักพักอย่าง Apple Watch Series 6 และ Samsung Galaxy Watch4 ทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างกันอย่างไร มีลูกเล่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง มาเปรียบเทียบกันได้เลยครับ

รุ่นที่มีวางจำหน่าย

Apple Watch Series 6

  • รุ่นตัวเรือน 40 มม. GPS
  • รุ่นตัวเรือน 40 มม. GPS+Cellular
  • รุ่นตัวเรือน 44 มม. GPS
  • รุ่นตัวเรือน 44 มม. GPS+Cellular

Samsung Galaxy Watch4

  • รุ่นตัวเรือน 40 มม. Bluetooth
  • รุ่นตัวเรือน 40 มม. LTE
  • รุ่นตัวเรือน 44 มม. Bluetooth
  • รุ่นตัวเรือน 44 มม. LTE

Samsung Galaxy Watch4 Classic

  • รุ่นตัวเรือน 46 มม. Bluetooth
  • รุ่นตัวเรือน 46 มม. LTE

เปรียบเทียบสเป็ค

ก่อนอื่นเรามาเปรียบเทียบสเป็คกันก่อนระหว่าง Galaxy Watch4 และ Watch Series6 ว่ารุ่นไหน มีรายละเอียดทางด้าน Hardware อย่างไรบ้าง

  Samsung Galaxy Watch4 Apple Watch Series 6
จอแสดงผล Super AMOLED Retina LTPO OLED
รูปแบบหน้าปัด, ขนาด หน้าปัดกลม หน้าปัดสี่เหลี่ยม 
ความละเอียด 450 x 450 448 x 368 พิกเซล
Always on Display รองรับ รองรับ
ระบบปฏิบัติการ OneUI Watch บนพื้นฐาน Wear OS WatchOS
หน่วยประมวลผล Exynos W920 Apple S6
การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0, WiFi, LTE Bluetooth 5.0, WiFi, LTE
แบตเตอรี่ Lion 361 mAh Li-on 303 mAh
การชาร์จแบตเตอรี่ ไร้สาย ไร้สาย
มาตรฐานกันน้ำ 5ATM, IP68 กันน้ำลึก 50 เมตร

ในด้านสเป็คของสมาร์ทวอชทั้ง 2 รุ่นจะเห็นได้ว่ามีในด้าน Hardware มีความต่างเพียงเล็กน้อย ที่เห็นได้ชัดคือหน้าปัดทั้ง 2 รุ่นเป็นคนละแบบ Galaxy Watch4 เป็นหน้าปัดแบบกลม และ Apple Watch เป็นแบบสี่เหลี่ยมมาตั้งแต่รุ่นแรก ส่วนหน้าจอของทั้งสองรุ่นก็ต่างชนิดกัน แต่มีการรองรับการแสดงผลแบบติดตลอด หรือ Always on Display แสดงผลได้ตลอดเวลา ไม่เป็นจอดำๆ เพื่อให้ดูเป็นนาฬิกามากยิ่งขึ้น ส่วนหน่วยประมวลผล และระบบปฏิบัติการต่างก็ใช้ Hardware ของตัวเอง เพื่อให้รองรับ Software เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในการเชื่อมต่อ ทั้งสองรุ่นก็มีรุ่น eSIM สามารถลงทะเบียนกับผู้ให้บริการเพื่อใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้งการโทร และเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยไม่ต้องอาศัยสมาร์ทโฟน

สำหรับแบตเตอรี่ของ Galaxy Watch4 มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย รองรับการชาร์จแบบไร้สายทั้งสองรุ่น แต่ Galaxy Watch4 สามารถนำสมาร์ทโฟนที่รองรับอย่าง Galaxy S, Note หรือ Z Series แชร์แบตเตอรี่ชาร์จให้กับ Galaxy Watch4 ได้ ซึ่งทางฝั่งของ iPhone ไม่สามารถทำได้ ส่วนระบบกันน้ำนั้น Galaxy Watch4 รองรับมาตรฐาน IP68 ที่กันน้ำลึก 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาที พร้อมกันน้ำลึกในระดับ 5 ATM หรือกันน้ำลึกถึง 50 เมตร ส่วน Apple Watch Series 6 ก็สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตรเช่นกัน 

Samsung Galaxy Watch4

ดีไซน์… หน้าปัดสี่เหลี่ยม หรือหน้าปัดกลม?

หากพูดถึงนาฬิกา หลายๆ คนก็คงจะจินตนาการถึงนาฬิกาอนาล็อคที่มีหน้าปัดแบบกลมๆ ที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน อาจจะมีหน้าปัดสี่เหลี่ยมให้เห็นบ้าง แต่ในยุคนี้สมาร์ทวอชก็มีหน้าปัดให้เลือกทั้งแบบกลมอย่าง Galaxy Watch4 และหน้าปัดสี่เหลี่ยมอย่าง Apple Watch ถ้าให้พูดกันตามตรงก็คงจะฟันธงไม่ได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน เรื่องนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล

Samsung Galaxy Watch4

แต่ถ้าถามถึงตัวผู้เขียนก็ต้องขอตอบว่า “ชอบนาฬิกาที่มีหน้าปัดกลมมากกว่า” เพราะตัวผู้เขียนเองยังอยากให้นาฬิกาบนข้อมือดูยังคงดูเหมือนนาฬิกาจริงมากที่สุด ซึ่ง Galaxy Watch4 ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้เต็มๆ เพราะหน้าปัดแบบกลมรองรับ Watch face ได้ทั้งแบบนาฬิกาเข็ม หรืออนาล็อคได้สมจริงกว่าหน้าปัดแบบสี่เหลี่ยม

Samsung Galaxy Watch4

อีกทั้งหน้าปัดแบบกลมก็ยังคงรองรับ Watch face ที่เป็นแบบตัวเลข หรือภาพกราฟฟิคอื่นๆ ด้วยเช่นกัน แต่หากเป็นหน้าปัดแบบสี่เหลี่ยม เมื่อใช้ Watch face แบบนาฬิกาเข็มก็อาจจะดูแปลกๆ ไปเหมือนกัน เพราะที่มุมทั้ง 4 จะดูโล่งๆ หรือหากเลือก Watch face เป็นนาฬิกาเข็มที่ปรับเป็นสี่เหลี่ยมก็จะดูไม่เหมือนนาฬิกาจริงๆ อย่างไรก็ดี หน้าปัดกลม หรือหน้าปัดสี่เหลี่ยมก็ต้องยกให้เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลก็แล้วกันครับ

Samsung Galaxy Watch4

การใช้งานทั่วไป

ในการใช้งานทั่วไป สมาร์ทวอชทั้งสองรุ่นจะสั่งงานผ่านหน้าจอแบบสัมผัสเป็นหลัก ส่วน Galaxy Watch4 Classic จะมี Rotating Bezzel หรือวงแหวนที่สามารถหมุนเพื่อเลื่อนเมนูได้ และสำหรับ Apple Watch Series 6 จะอาศัย Digital Crown เพื่อใช้หมุนเลื่อนเมนู

Samsung Galaxy Watch4

ในการใช้งานโทรศัพท์ทั้งคู่มีทั้งรุ่นที่เชื่อมต่อ Bluetooth และรุ่น Cellular ที่มี eSIM ในตัว สามารถบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ลงใน eSIM ในกรณีที่หลุดจากการเชื่อมต่อ Bluetooth กับสมาร์ทโฟน ตัวนาฬิกาจะจับสัญญาณ 4G LTE เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย จึงไม่พลาดสายสำคัญแม้ว่าสมาร์ทโฟนจะไม่อยู่กับตัว สามารถคุยโทรศัพท์กับสมาร์ทวอชได้โดยตรง

Galaxy Watch4 รองรับทั้ง Android และ iOS แต่ Apple Watch รองรับเฉพาะ iOS เท่านั้น

Samsung Galaxy Watch4 นอกจากจะรองรับระบบปฏิบัติการ Android ที่สามารถนำไปใช้กับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ได้แล้ว ยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS อย่าง iPhone ได้อีกด้วย เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพฯ แล้วเชื่อมต่อก็สามารถใช้งานได้ทันที

ในทางกลับกัน Apple Watch ตั้งแต่รุ่นแรกจะต้องใช้งานร่วมกับ iPhone เท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้งานกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ได้เลย

Watch Faces ใน Galaxy Watch4 สามารถดาวน์โหลดเพิ่มได้ไม่จำกัด

ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Galaxy Watch4 ที่สามารถดาวน์โหลด Watch Faces แบบต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัด โดย Watch Face ก็มีให้เลือกทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงินซื้อ มีรูปแบบต่างๆ ให้เลือกมากมาย ผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกดาวน์โหลด หรือเลือกซื้อได้ในแอพฯ Galaxy Wearable ซึ่งจะมีผู้พัฒนา Watch Faces รูปแบบใหม่ออกมาเรื่อยๆ ไม่รู้จบ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ

Samsung Galaxy Watch4

Samsung Galaxy Watch4

ส่วน Apple Watch Series 6 หรือ Series อื่นๆ จะต้องดาวน์โหลด Face Gallery หรือหน้าปัดที่ทาง Apple มีไว้ให้เท่านั้น หรือสามารถสร้างเองได้จากรูปภาพในเครื่อง จึงถือว่ามีให้เลือกดาวน์โหลด หรือปรับเปลี่ยนอย่างจำกัด หากเป็นคนขี้เบื่ออาจจะต้องทนใช้หน้าปัดแบบเดิมๆ ต่อไป

ฟีเจอร์ด้านสุขภาพ

สำหรับฟีเจอร์ด้านสุขภาพของสมาร์ทวอชทั้งสองรุ่นต้องบอกก่อนเลยว่าขึ้นอยู่กับเซ็นเซอร์ต่างๆ มากมายที่อยู่บนนาฬิกา หากเป็น Apple Watch Series 6 ก็ยังคงมีเซ็นเซอร์พื้นฐานอย่างเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2, เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เข้ามาช่วยในการนับจำนวนก้าว ตรวจจับการล้ม การนอนหลับ เป็นต้น

ส่วน Galaxy Watch4 นอกจากจะมีเซ็นเซอร์พื้นฐานเหมือนกับ Apple Watch Series 6 แล้ว ยังมีเซ็นเซอร์ BioActive ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการวัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยแสงอินฟราเรดแบบออปติคอล (Optical Heart Rate) + ECG คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram) การวัดค่าข้อมูลร่างกาย 

Samsung Galaxy Watch4

Samsung Galaxy Watch4

Samsung Galaxy Watch4

Galaxy Watch4 ยังมีเซ็นเซอร์ BIA หรือ Bioelectrical Impedance Analysis ใหม่ล่าสุดที่สามารถตรวจวัด Body Composition ที่สามารถบอกรายละเอียดต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราส่วนไขมันในร่างกาย (Body Fat %), ปริมาณมวลไขมัน (Fat Mass), ปริมาณกล้ามเนื้อ (Skeleton Muscle), ค่าการใช้พลังงานร่างกายขั้นพื้นฐาน (BMR), อัตราส่วนน้ำในร่างกาย (Body Water) และค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนสุขภาพได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ การออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อน เป็นต้น

Samsung Galaxy Watch4

สำหรับการนอนหลับที่นอกจากจะตรวจสอบการหลับลึก การพลิกตัวระหว่างนอนหลับแล้ว ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่างการตรวจสอบการนอนกรน พร้อมบันทึกเสียงกรนได้ด้วย เพียงแค่วางพร้อมกับชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนไว้ข้างตัวก็สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งยังตรวจสอบระดับออกซิเจนในเลือดขณะนอนหลับได้ด้วย

สรุปแล้วเลือกรุ่นไหนดี?

มาถึงบทสรุปที่หลายๆ คนต้องการทราบว่า จริงๆ แล้วสมาร์ทวอชจากทั้งสองค่ายรุ่นไหนดีกว่ากัน แต่ถ้าหากท่านผู้อ่านได้อ่านตั้งแต่ต้นจนจบน่าจะพอมีคำตอบภายในใจกันอยู่แล้ว เราไม่ขอชี้นำไปทางรุ่นใดรุ่นหนึ่ง เพียงแต่จะสื่อว่าถ้าหากใช้ iPhone อยู่แล้ว และต้องการใช้งานให้เต็มฟังก์ชั่นความสามารถ Apple Watch Series 6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ iOS แต่หากผู้ใช้งาน iPhone ต้องการใช้งานสมาร์ทวอชที่มีลูกเล่นเยอะกว่าก็สามารถข้ามมาใช้ Galaxy Watch4 ได้โดยไม่ติดขัดแต่อย่างใด เพราะ Galaxy Watch4 รองรับการใช้งานทั้งสองระบบอยู่แล้ว

ส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy หรือผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์แบรนด์อื่นๆ หมดสิทธิ์ใช้ Apple Watch แน่นอน เพราะตัวเครื่องไม่รองรับ แต่ก็สามารถใช้ Galaxy Watch4 ข้ามค่ายได้ไม่มีปัญหา ตัวเครื่อง และแอพฯ ก็รองรับอยู่แล้ว สามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งหากเป็นสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ก็จะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า สุดท้ายนี้ก็ขอแนะนำให้ใช้สมาร์ทวอชให้ตรงกับความต้องการ ตรงกับความชอบ และตรงกับระบบที่ใช้งาน ขอให้สนุกกับการใช้สมาร์ทวอชทั้ง 2 รุ่นครับ

Samsung Galaxy Watch4

ราคาวางจำหน่าย : Galaxy Watch4 หน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร (BLT) ในสี Black และ Pink Gold วางจำหน่ายในราคา 7,990 บาท (BLT) และหน้าปัดขนาด 44 มิลลิเมตร มาในสี Black และสี Green ราคา 8,990 บาท (BLT) และ 10,900 บาท (LTE)

Galaxy Watch4 Classic หน้าปัดขนาด 46 มิลลิเมตร กับตัวเลือกสี Black และสี Silver ในราคา 11,900 บาท (BLT) และ 13,900 บาท (LTE) ในตัวเลือกสี ฺBlack

To Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณและสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • GA

    Google Analytic

Save