Article

สมาร์ทโฟนสัญชาติจีน ที่กำลังมาแรงในตลาดโลกและตลาดไทย

เก็บตกข่าวคราวความเคลื่อนไหวในวงการเทเลคอม ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ สำหรับฉบับนี้จะมาพูดเรื่องของ โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนสัญชาติจีน ที่กำลังมาแรง

สวัสดีครับ ผมปีเตอร์กวง ควงมือถือ พิธีกรรายการ “ล้ำหน้าโชว์” ซึ่งรายการนี้ผลิตและสร้างสรรค์โดย บริษัท ล้ำหน้าโชว์ จำกัด ที่เราทั้งสาม (พี่หลาม ปีเตอร์กวง อาจารย์ศุภเดช) ได้ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ด้วยกันเพื่อให้ผู้ชมได้บริโภคสาระดีๆ ที่ให้ความรู้ด้านไอทีและเทเลคอม บวกความบันเทิงตามสไตล์แบบของพวกเราไปด้วย โดยออกอากาศทางช่อง Nation Channel (เนชั่นแชนนอล) ดูได้ทั้งทางทีวีดาวเทียมทางช่อง 32 และทีวีดิจิตอลช่อง 22 ทุกวันอาทิตย์ ออกอากาศสด เวลา 15:00-16:00 อยากให้ติดตามกันเยอะๆ นะครับ แล้วบ่ายวันอาทิตย์ของคุณ จะมีความหมายมากกว่าเดิม… สำหรับตัวผมเองก็ยังประจำการใน What Phone Magazine ทุกเดือนเหมือนเช่นเคยครับ เพื่อไขข้อข้องใจและเก็บตกข่าวคราวความเคลื่อนไหวในวงการเทเลคอม ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ สำหรับฉบับนี้จะมาพูดเรื่องของ โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนสัญชาติจีน ที่กำลังมาแรงในตลาดโลกและตลาดไทย ใครเป็นใครไปดูกันครับ (ตอนที่ 1)

 

Xiaomi ดาวรุ่งพุ่งแรงจากตลาดจีนสู่สากล…แรงจนหลังติดเบาะ

Xiaomi-challenge-iPhone-6-Plus-with-larger-Xiaomi-Note-photos-1

xiaomi-mi-4-1

Xiaomi (อ่านว่า เสี่ยว-มี้) จากบริษัทหน้าใหม่ที่ก่อตั้งในปี 2010 โดยผู้ถือหุ้น 8 คนและมีบริษัทสิงคโปร์อย่าง Temasek Holdings เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนในช่วงแรก และในปี 2011 ก็ได้ทำการเปิดตัวโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทนั่นคือ Xiaomi Mi 1 เป็นรุ่นแรกที่วางจำหน่ายในตลาดจีนและขายดีจนตลาดแทบแตก ด้วยจุดขายสเปคฮาร์ดแวร์ที่จัดมาเต็มไม่แพ้ยี่ห้อแนวหน้าอย่าง Samsung, LG หรือ HTC รวมทั้งระบบเมนู (User Interface หรือเรียกกันว่า “UI”) ก็เป็นจุดเด่นมากๆ ที่ใช้ชื่อว่า MiUI ทำให้การใช้งาน Android Phone ของ Xiaomi นั้นมีสีสันและง่ายต่อการใช้งาน ที่สำคัญมีการปล่อย Software ให้นักพัฒนาอิสระได้แต่งเติม ปรับแก้ โมดิฟายกันอย่างเต็มที่ ถึงขนาดว่าทุกวันศุกร์จะมีการอัพเกรดซอร์ฟแวร์ให้ผู้ใช้ได้ลองอะไรใหม่ๆ ทุกอาทิตย์ แต่ราคานี่สิ แทบหารสองเลยทีเดียว โดยมีการจำหน่ายทางออนไลน์เท่านั้น และแทบไม่มีการโฆษณาทีวี วิทยุ หรือสื่อทางหนังสือพิมพ์ นิตยสารแต่อย่างใด แต่ใช้กลไกของระบบออนไลน์ที่เป็นเทรนด์ที่มาแรงในประเทศจีนเป็นตัวขับเคลื่อน โดยไม่เน้นเก็บเงินที่ได้จากกำไรการขายไว้กับตัวเอง

แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช้เงินในการขับเคลื่อนทางการตลาดด้วย ทำให้ราคาของ Xiaomi เป็นจุดขายใหญ่ ว่าของดีราคาถูกมีจริงในสามโลก!! สิ่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในตลาดจีน ยักษ์ใหญ่ที่เคยกินส่วนแบ่งการตลาดมากๆ อย่าง Samsung, Huawei, Lenovo, Apple เกิดโดนผลกระทบกันถ้วนหน้า ถึงขั้นที่แบรนด์จีนใหญ่ๆ รวมตัวกันทำรุ่นที่สเปคสูงและราคาต่ำมาหนึ่งรุ่นเพื่อมารุมกินโต๊ะ Xiaomi แต่กระนั้นก็ทำอะไร Xiaomi ไม่ได้ เพราะกระแสของ Xiaomi ไปไกลแล้ว

พอในปีต่อมาก็มีการเปิดตัว Mi 2 ต่ออีก ซึ่งทางบริษัทได้เปิดเผยว่ารุ่น Mi 2 นี่กระแสแรงกว่าตัวแรกมากนัก โดยสามารถขายได้ 10 ล้านเครื่องในเวลา 1 ปีซึ่งถือว่าเยอะมากๆ และในปี 2013 ทาง Xiaomi ก็ได้ออกรุ่นใหม่อีกเพื่อจับตลาดล่าง โดยได้ออก Red Mi, Red Mi Note, Mi Pad เพื่อขายตลาดออกไป โดยยังมีรุ่นเรือธงอย่าง Mi 3 ออกมาอีกด้วย ซึ่งในปี 2013 Xiaomi ก็กลายมาเป็นบริษัทมือถือยอดขายอันดับ 5 ในประเทศจีนด้วยยอดขายกว่า 18.7 ล้านเครื่อง

ขณะเดียวกัน Xiaomi ก็ได้มีแผนในการขยายธุรกิจตัวเองออกไปสู่ตลาดต่างประเทศด้วย โดยการบริหารของ Hugo Barra อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Google นั่นเอง ได้มาเป็นผู้บริหารจัดการการทำตลาดต่างประเทศให้ทาง Xiaomi โดยขยายตลาดไปยังสิงคโปร์, มาเลเซีย อินโดนีเซีย, อินเดีย, ฟิลิปปินส์ และคาดว่าในปีนี้ก็คงจะเข้าประเทศไทยอย่างแน่นอน สำหรับสมาร์ทโฟนไฮไลท์ตอนนี้ก็เห็นจะเป็น Mi 4 และ Mi Note Pro รุ่นใหม่ ที่สเปคแรงสุดขีด แต่ราคาก็ยังคงเป็นจุดขายที่ถูกกว่าคนอื่นกว่าครึ่งได้ ไม่นับราคามาบุญครองนะครับ เพราะเข้าว่าคนขายที่หิ้วมาขายในบ้านเรา ก็คงต้องบวกกำไรและอื่นๆ ไปอีกพอสมควร แต่ก็ยังถูกอยู่ดีครับ

นอกจากนี้ยังหันมาทำ LCD TV, เครื่องฟอกอากาศชั้นเยี่ยมคุณภาพสูง ในราคาต่ำมากๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อกัน โดยทั้งหมดจำหน่ายผ่านทางช่องทาง Online Web เท่านั้น จากตัวเลขสรุปยอดขายสมาร์ทโฟนโลกโดย IDC International ในปี 2014 นั้น Xiaomi กลายเป็นผู้ผลิตมือถือสมาร์ทโฟนใหญ่อันดับสามของโลก รองจาก Samsung, Apple โดยอันดับ 4-5 เป็นของ Lenovo, LG ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์อย่างที่ไม่มีคาดคิดว่าจะมีบริษัทหน้าใหม่ที่จะมากลายเป็นผู้มีอิทธิผลในการเปลี่ยนแปลงตลาดโลกได้อย่างนี้ ต้องติดตามต่อว่า Xiaomi จะกลายมาเป็นผู้ผลิตมือถืออันดับหนึ่งของโลกในอนาคตก็อาจเป็นได้…ใครจะไปรู้ สำหรับเมืองไทยกระแสของ Xiaomi ก็มีค่อนข้างมากสำหรับในหมู่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนกลุ่มบน ที่เปลี่ยนมือถือบ่อยๆและมองหาของที่ดีสเปคแรง คาดว่าในอนาคตที่ Xiaomi มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ กระแสของ Mi phone น่าจะแรงจนเกิดดาวรุ่งสมาร์ทโฟนรายใหม่ในเมืองไทยอย่างแน่นอน

 

Huawei ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีนสู่ผู้นำสมาร์ทโฟนโลก

hua

IDEOS-41

Huawei (อ่านว่า หัวเว่ย) เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานรัฐบาลที่ก่อตั้งในปี 1987 โดยเริ่มต้นจากการทำธุรกิจแผงสวิทช์ชิ่งโทรศัพท์ที่ใช้ในตามสำนักงาน ในอพาร์ทเมนท์ต่างๆ จนเติบใหญ่ขึ้นมาและสู่วงการโทรคมนาคมเต็มตัวด้วยการพัฒนาระบบเครือข่ายโทรศัพท์ ทั้งแบบสายและแบบไร้สายโดยพัฒนาเพื่อใช้ในประเทศจนเติบโตและขยายธุรกิจในต่างประเทศ จนวันนี้กลายเป็นผู้ผลิตและพัฒนาระบบเครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคมทั้งแบบมีสายและไร้สาย (Fixed line, ADSL, VDSL, Cellular) อันดับหนึ่งของโลกไปแล้วแทนที่บริษัทสวีเดนอย่าง Ericsson ไปแล้ว ล่าสุด Huawei ก็เป็นบริษัทที่มีบทบาทอย่างมากของการพัฒนาด้านเทคโนโลยี 4G LTE ของโลก

นอกจากนี้ Huawei ยังได้เริ่มการพัฒนาอุปกรณ์สำหรับใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเริ่มจากอุปกรณ์อย่าง USB Air Card, PC Card, Cellular WiFi router จนขายดีอันดับหนึ่ง มาจนปี 2005 ก็เริ่มทำการพัฒนาโทรศัพท์มือถือเพื่อให้โอเปอร์เรเตอร์ไปติดยี่ห้อ จำพวกฟีเจอร์โฟน 2G, 3G จนกระทั่งมาสู่ยุคของ Smartphone ทาง Huawei ก็หันมาทำแบรนด์ย่อยที่ชื่อว่า “IDEOS” phone และกลายมาเป็น “Ascend” ในปี 2008 ซึ่งในปี 2010 Huawei ได้ขายอุปกรณ์สำหรับระบบโทรศัพท์มือถือรวมๆ กับไปกว่า 120 ล้านชิ้นเลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นจำพวก Air Card ในขณะที่ยอดขายของพวกอุปกรณ์ Air Card หดตัวลงอย่างรุนแรง ทาง Huawei ก็หันมาเน้นตลาดสมาร์ทโฟนและฟีเจอร์โฟนมากขึ้น โดยเน้นไปทาง Android เป็นหลัก ซึ่งมีซีรี่ย์ใหม่ๆ ออกมามากมายไม่ว่าจะเป็น Ascend, Honor, Ascend Mate, G-Series, P-Series ที่เป็นเรือธงท็อปสุด โดยในปี 2014 มีช่วงหนึ่งที่ยอดขายสมาร์ทโฟนของ Huawei กลายมาเป็นอันดับ 3 ของโลก ก่อนจะหลุดไปจาก Top 5 ในยอดรวมตอนสิ้นปี 2014

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ Huawei กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของตลาดสมาร์ทโฟนในไปไทยแล้ว สังเกตได้ไม่ว่าจะเป็นขยายตัวของ Huawei Brand Shop ที่เพิ่มขึ้นมากมาย การขายเข้าสู่โอเปอร์เรตอร์อย่าง dtac เมื่อปี 2013 และปัจจุบันได้รับการตอบรับอย่างดีจากพันธมิตรมือถือร้านใหญ่ๆ อย่าง TG Fone, Jaymart shop และอีกมากมายทั่วประเทศ จับตาดูให้ดีนะครับโดยเฉพาะปี 2015 นี้ คาดว่า Huawei คงจะทุ่มสุดตัวในการแข่งขันในตลาดบ้านเรา

 

ZTE อีกยักษ์ของโทรคมนาคมจีนที่ไม่ธรรมดา…ค่อยๆมาแต่ชัวร์ๆ

skate-zte-skate

zte

ZTE-Open-Orange

ZTE ชื่อเดิมคือ Zhongxing Telecommunication Equipment ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 โดยเริ่มต้นการลงทุนจากรัฐบาล ธุรกิจเน้นมาทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคม มีทั้งเรื่องอุปกรณ์เครือข่าย ทั้งแบบมีสายและไร้สาย รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้ในบ้าน USB Aircard, WiFi Router จนมาถึงโทรศัพท์มือถือ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการรับจ้างผลิตให้กับบริษัทที่ให้บริการเครือข่ายเสียส่วนใหญ่ (บริษัทจีนส่วนใหญ่ก็เริ่มจากรับจ้างผลิตกันทั้งนั้น ก่อนที่จะผันมาทำยี่ห้อของตัวเอง) จนมาวันนี้ ZTE ก็เติบโตขึ้นมา โดยมีคู่แข่งสำคัญอย่าง Huawei จากประเทศเดียวกัน และทำธุรกิจที่เหมือนกันอีกด้วย โดย ZTE ก็เป็นผู้ผลิตสำคัญแนวหน้าของโลกในด้านอุปกรณ์เครือข่ายทั้งแบบมีสาย และไร้สายเช่นกัน อีกทั้งยังเน้นหนักไปทางอุปกรณ์สื่อสารส่วนบุคคลอย่างสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าถึงตลาด Consumer ให้มากขึ้น โดยชูแบรนด์ “ZTE” ให้เข้าถึงตลาดในกลุ่มตลาดใหญ่ และชูแบรนด์ “nubia” สำหรับกลุ่มคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมอีกกลุ่มหนึ่ง

ZTE ถือว่าเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในระดับ Top 5 ของตลาดจีน และอยู่ใน Top 10 สำหรับตลาดโลก สำหรับในตลาดโลก ZTE ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดใหญ่ๆ อย่าง อเมริกา, ยุโรป และในเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศไทย ได้มีการร่วมมือกับ dtac ในการพัฒนาสมาร์ทโฟนออกสู่ตลาดและขายดีมากตั้งแต่ปลายปี 2013 เป็นต้นมา จนล่าสุดได้เริ่มทำตลาดเองซึ่งเน้นในกลุ่ม Consumer โดยนำสินค้าเข้าไปในร้านมือถือดังๆ อย่าง TG Fone, Jaymart ซึ่งถือว่าเป็นอีกย่างก้าวที่ทาง ZTE กำลังพยายามสร้างฐานตลาดของตัวเองอย่างมั่นคง จุดเด่นของผลิตภัณฑ์จาก ZTE ก็คงไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนจากฝั่งประเทศจีนแต่อย่างใด คือเน้นฟีเจอร์ดี แต่ราคาที่เอื้อมถึงได้ (ประหยัด) เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าฐานใหญ่ อย่างน้อยที่ผ่านมา ZTE ก็ได้สร้างฐานกลุ่มตลาดร่วมกับ dtac มาแล้วพอสมควร ต้องดูต่อไปว่า ZTE จะทุ่มตลาดในกลุ่มลูกค้าทั่วไปได้มากแค่ไหน และจะต่อยอดจากที่ทำงานกับ dtac มาให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร

 

One Plus ย่างก้าวอย่างช้าๆ แต่ไม่ธรรมดา

2475-oneplus-one-schwarz

oneplus-two-weird-listing

One Plus (อ่านว่า วันพลัส) ก่อตั้งขึ้นในปลายปี 2013 โดยอดีตผู้บริหารระดับสูงของ OPPO โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและสเปคฮาร์ดแวร์ในระดับสูงเท่ากับสินค้าเรือธงจากค่ายอินเตอร์แบรนด์อื่นๆ อย่าง Samsung, HTC, LG หลักการคล้ายๆ กับการทำตลาดอย่าง Xiaomi โดยไม่เน้นการทำการตลาดด้วยเงินมหาศาลแต่เน้นการทำตลาดโดยผ่านทางร้านออนไลน์ ตามกระแสของการขายของบนอินเตอร์เน็ต มุ่งไปสู่ตลาดในประเทศเป็นอันดับแรก โดยมีการออกผลิตภัณฑ์ตัวแรก นั่นคือ One Plus One ซึ่งมุ่งไปที่สเปคฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุด และมีการทำงานร่วมกันกับ Cyanogen ใช้ระบบเมนู (User Interface) Cyanogen Mod 11S เป็นแกน ทำงานบน Android 4.4 KitKat (Cyanogen Mod มีชื่อเสียงในการโมดิฟาย Android OS ให้มีความสามารถที่เก่งกว่า Android พื้นฐาน และมีชื่อเสียงในกลุ่มคนที่เล่น Android แบบฮาร์ดคอร์) ทำให้ผู้ใช้ในกลุ่มที่ชอบเล่นเครื่อง ชอบเครื่องของ One Plus เป็นอย่างมาก เพราะความไหลลื่นในการใช้งาน และมีลูกเล่นมากมายให้ดาวน์โหลด ไม่ว่าจะเป็นธีม ที่สามารถเปลี่ยนเป็นหน้าตาโทรศัพท์ยี่ห้อชั้นนำได้เลย

ในปลายปี 2014 ทาง One Plus ได้บุกตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยนำเอา One Plus One ไปขายในประเทศอินเดียโดยผ่านทาง เว็บ Amazon.in และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขายถล่มทลายแม้จะพบกับอุปสรรคในการทำตลาดก็ตาม สำหรับในปีนี้ One Plus จะเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ นั่นคือ One Plus Two เชื่อว่าจะทำตลาดในประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้น ก็ได้แต่หวังลึกๆ ว่าทาง One Plus จะมีแผนในการมาเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้ ตอนนี้ใครอยากเล่นก็เดินไปหาเครื่องแถวๆ มาบุญครองก่อนละกันนะครับ

สำหรับแฟนๆท่านใดที่มีคำถาม สามารถติดตามมาได้ที่ twitter ของผม @peter2514 นะครับ ส่วน facebook ตามมาได้ที่ www.facebook.com/Peerapol หรือจะติดตาม Instagram ก็ Search หา ID “peter2514” ได้นะครับ แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะครับ ขอบคุณทุกการติดตามครับ J

 

To Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณและสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • GA

    Google Analytic

Save