เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาทาง Google ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดอย่าง Android Go ที่ทำมาเพื่อผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น ตอบโจทย์ในเรื่องของความลื่นไหลในสเปคที่ไม่สูงนัก วันนี้ทาง Whatphone ก็จะพามาเปรียบเทียบเจ้าระบบนี้กับระบบ Android ปกติ ว่าจะแตกต่างกันแค่ไหน น่าใช้งานหรือไม่? ไปดูกันเลยครับ
Android Go คืออะไร?
เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ออกแบบมาจาก Android OREO (8.1) และ Android Pie (9.0) เพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลในสเปคเบา ๆ RAM น้อย ๆ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในระดับราคาเริ่มต้น
ในส่วนของแอปพลิเคชั่นบนระบบปฏิบัติการ Android Go นั้นจะถูกออกแบบมาเป็นพิเศษโดยจะถูกลดสเปคหรือฟีเจอร์ที่มีอยู่ รวมถึงลดขนาดของแอปเพื่อการใช้งานที่ลื่นไหล หลัก ๆ ก็จะประกอบไปด้วยแอปพลิเคชั่นดังต่อไปนี้
- YouTube Go
- Maps Go
- Gmail Go
- Google Go
พอพูดถึง Android Go แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับระบบ Android ปกติเลยล่ะ ซึ่งในส่วนถัดไปจะเป็นการเทียบแอปของเจ้า 2 ระบบนี้ว่ามีความแตกต่างกันตรงไหนบ้างนั่นเองครับ
เปรียบเทียบแอปของ Android Go กับ Android ปกติ
ก่อนที่เราจะไปเปรียบเทียบแอปพลิเคชั่นของทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการนี้ ก็จะขอเกริ่นนำเกี่ยวกับ ระบบ Android Go ก่อนซึ่งถูกพัฒนามาจาก Pure Android ปกติตั้งแต่โรงงานเลย (มีแอปพลิเคชั่นพิเศษจาก Google ติดมาด้วย ตัวระบบปฏิบัติการเองก็กินพื้นที่น้อย) ซึ่งมีความคล้ายกับโปรเจค Android One ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไม่ต้องไปปรับแต่งอะไรมากนัก เรียกได้ว่าพร้อมขายในราคาไม่แพงได้เลย
- Android Go UI
- Android UI
แต่สำหรับระบบปฏิบัติการ Android ปกตินั้นจะถูกนำไปปรับแต่งเพื่อเติมสไตล์หรือเอกลักษณ์ของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนนั้น ๆ อย่าง EMUI ของ Huawei, MIUI ของ Xiaomi, Color OS ของ Oppo หรือแม้แต่ซัมซุงก็ยังมี Samsung Experience UI เช่นกันครับ ซึ่งการปรับแต่งของแต่ละค่ายนั้น จะมุ่งเน้นประสบการณ์การใช้งานที่หลากหลาย ยัดฟีเจอร์มากมายใส่เข้ามาในสมาร์ทโฟนเครื่องนึงให้มีลูกเล่นเพื่อเป็นจุดขายของแบรนด์ ทั้งนี้ราคาและสเปคของสมาร์ทโฟนก็จะต้องสูงพอสมควรทั้ง RAM, ROM รวมถึง CPU เพื่อรองรับลูกเล่นดังกล่าวนั่นเองครับ
Gmail Go vs Gmail
![Gmail Go App](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2018/08/Gmail-Go-App-800x533.jpg)
Gmail Go App
เริ่มต้นกันด้วยแอปพลิเคชั่นอย่าง Gmail Go ที่ออกแบบมาให้ใช้งานส่งอีเมลล์เหมือนกับแอปเวอร์ชั่นเต็ม ความแตกต่างของแอปพลิเคชั่นนั้นแทบจะไม่มีเลย อาจจะมีบ้างที่การตอบสนองของแอปช้ากว่าเวอร์ชั่นเต็ม เพราะสมาร์ทโฟนมีสเปคต่ำ (ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด) แต่ส่งที่น่าสนใจคือเจ้าตัว Gmail Go ดันมีขนาดแอปที่ใหญ่กว่า Gmail ปกติซะอย่างนั้น แต่มันก็กินสเปคน้อยเพราะทางกูเกิ้ลตั้งใจออกแบบมาให้เข้ากับระบบ Android Go โดยเฉพาะนั่นเองครับ
![Gmail App](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2018/08/Gmail-App-800x474.jpg)
Gmail App
YouTube Go vs YouTube
Youtube Go เป็นแอปพลิเคชั่นที่ออกมาแบบให้ใช้งานง่ายและเรียบง่าย แบบเดียวกับ Gmail Go แต่หน้าตายังคงคล้ายกับแอปเวอร์ชั่นเต็มพอสมควร แต่สิ่งที่น่าสังเกตุคือ ในการดูวีดีโอนั้นจะเป็นไฟล์ความละเอียดไม่สูงมากนัก โดยมีการบอกขนาดของไฟล์วีดีโอไว้ชัดเจน สามารถเลือกคุณภาพของวีดีโอก่อนดูได้ เพื่อการประหยัด DATA ของสมาร์ทโฟนไปอีกแบบ อีกทั้งการที่ไม่สามารถ Comment หรือ Like หรือ Dislike คลิปได้ การใช้งานโดยกันปัดไปมาของแอปยังตอบสนองได้ไม่ดีนัก โดยยังมีอาการค้างหรือกระตุกไม่สมูทอยู่เล็กน้อย
Google Go and Assistant Go vs Google
![Google Go App](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2018/08/Google-Go-App-800x474.jpg)
Google Go App
หนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่เรียกได้ว่าติดมากับ Android ทุกเครื่องอย่าง Google ก็ถูกพอร์ตลงมาเป็น Google Go ที่มีฟีเจอร์คล้ายกับเวอร์ชั่นเต็มพอสมควร แต่มันก็มาพร้อมกับ Assistant Go ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ถูกฝังลงในแอปนี้ด้วยกัน โดยสามารถสั่งงานทั่วไปได้ อาทิ ตั้งนาฬิกาปลุกหรือสั่งให้เล่นเพลงจาก Spotify ก็ทำได้เช่นกัน
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ขนาดไฟล์ของแอปที่เล็กลงมากเทียบกับแอปเวอร์ชั่นปกติ, Assistant จะใช้ได้กับกลุ่มภาษาหลัก ๆ เท่านั้น, ไม่รองรับฟีเจอร์ OK Google, ไม่รองรับการสั่งงานให้ใช้งานในส่วนของฮาร์ดแวร์อย่างเช่นการ เปิดไฟฉาย ได้ และมี UI ที่แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ในส่วนของการตั้งค่าก็มีให้เลือกอยู่ไม่กี่อย่าง
Google Maps Go vs Google Maps
ปิดท้ายกันด้วย Google Maps แอปพลิเคชั่นยอดฮิตที่ครองใจผู้ใช้งานทั่วโลก ซึ่งเจ้าตัว Google Maps Go นี้จะมีขนาดไฟล์ที่ไม่ถึง 1 MB แถมยังรองรับรูปแบบการทำงานและมีหน้าคล้ายแอปเวอร์ชั่นเต็มอีกด้วย อาทิ การแนะนำเส้นทางที่ใกล้ที่สุด การเรียกบริการขนส่งอย่าง UBER หรือ GRAB
แต่สิ่งที่สังเกตุได้ชัดเจนคือคุณภาพของกราฟฟิคในเวอร์ชั่น Go จะออกแบบมาค่อนข้างไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนนัก (ตามขนาดของแอป) รวมถึงไม่มี GPS แบบเรียลไทม์ ทำให้การบอกตำแหน่งอาจจะมีการคลาดเคลื่อนหรือไม่สามารถบอกตำแหน่งในที่อัปสัญญาณได้เลย
![Google Maps App](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2018/08/Google-Maps-App-800x356.jpg)
Google Maps App
ก็จบกันไปแล้วกับกับการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Android Go กับ Android ปกติ และสำหรับใครที่อยากติดตามบทความดี ๆ หรือข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลยครับ
ที่มา : xda-developers
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2016/04/whatphone-logo2-3.png)
You must be logged in to post a comment.