หลังจากที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่และเปิดให้จองเครื่องกันไปแล้ว สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะจองหรือไปซื้อ Vivo V15 Pro ในวันจำหน่ายจริงดีนะ เรามี 10 สิ่งควรรู้ก่อนจะซื้อวีโว่รุ่นนี้แบบสั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความมาให้ลองอ่านกัน
เช็คของแถมในกล่อง มีเคสตรงรุ่นแถมให้ด้วยนะ
สำหรับกล่อง Vivo V15 Pro ที่เราได้มานั้น มีโอกาสสูงที่จะตรงกับกล่องเวอร์ชั่นขายจริง ซึ่งในกล่องนอกจากจะมีตัวเครื่องแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ทั้งสายชาร์จ microUSB 2.0 อแดปเตอร์ชาร์จไฟและหูฟังมาตรฐาน เพราะรุ่นนี้ยังรองรับ 3.5 มม. ตามปกติ และรุ่นนี้ยังมีเคสกันรอยแถมมาให้ในกล่องด้วยนะ เป็นแบบเคสใสขอบดำ มีจุกยางฝาปิดพอร์ตไมโครยูเอสบีอีกด้วย นับว่าเป็นหนึ่งในเคสแถมที่ใช้งานจริงได้ค่อนข้างดีเลยล่ะ
Vivo V15 Pro พร้อมกล้องสามเลนส์รุ่นแรก
เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ Vivo V15 Pro จึงมาพร้อมกับกล้องหลังสามเลนส์ที่รวมทั้งเลนส์เทเล ไวด์ และอัลตร้าไวด์หรือมุมกว้างพิเศษ นอกจากนี้ กล้องสามเลนส์ของรุ่นนี้ยังเป็น AI Camera ถ้าถ่ายภาพมุมกว้างด้วยเลนส์ปกติ ระบบจะช่วยตรวจจับและมีตัวเลือกเลนส์อัลตร้าไวด์ให้เลือกด้วย
กล้องหน้าป๊อปอัพ เลื่อนขึ้นลงได้กว่า 300,000 ครั้ง!
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะกลับมาฮอตฮิตอีกครั้ง กับกล้องหน้าป๊อปอัพที่เรียกว่า Elevating Front Camera ซึ่งเจ้ากล้องตัวนี้ไม่ได้เลื่อนขึ้นเลื่อนลงตอนใช้งานกล้องถ่ายภาพเท่านั้น แต่ในขณะสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคหน้าจออีกด้วย ฉะนั้น ถ้าใครใช้การสแกนใบหน้าก็จะได้เห็นเจ้ากล้องหน้าเลื่อนขึ้นเลื่อนลง แถมทางวีโว่ยังการันตีว่ากล้องหน้ารุ่นนี้เลื่อนขึ้นลงได้กว่า 300,000 ครั้ง ซึ่งจากการทดสอบรีวิว กล้องหน้าก็ยังไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
สแกนใบหน้าได้รวดเร็วมาก!
อย่างที่กล่าวไปในข้อที่แล้วว่า กล้องหน้าเป็นส่วนประกอบสำคัญในการใช้สแกนใบหน้า ซึ่งรุ่นนี้ใช้งานสแกนใบหน้าได้ แถมยังทำงานรวดเร็วแม่นยำมากๆ แต่ยังต้องกดปุ่มเปิดหน้าจอก่อนจะสแกนหน้า เรียกได้ว่ากล้องหน้าเลื่อนขึ้นยังไม่ทันจะสุดดีกล้องก็เลื่อนลงแล้ว (แต่ใน GIF ด้านบนเป็นการแสดงการทำงานของระบบแบบคร่าวๆ เท่านั้น) เพราะจับใบหน้าได้ตรงตามที่กำหนดไว้
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้
ถ้าใครยังคุ้นเคยกับการสแกนลายนิ้วมือ ขอบอกว่ารุ่นนี้ไม่ได้สแกนลายนิ้วมือผ่านเซ็นเซอร์ใดๆ แล้วนะ เพราะรุ่นนี้สามารถสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้เลย แถมยังมีเอฟเฟคต์สวยๆ ขณะประทับลายนิ้วมือลงบนหน้าจออีกต่างหาก
หน้าจอแบบเต็มๆ ไร้ติ่ง ขนาด 6.39 นิ้ว
อีกหนึ่งอานิสงส์ที่ได้จากกล้องหน้าเลื่อนขึ้นลงได้ของรุ่นนี้ก็คือ หน้าจอ Ultra FullView Display 6.39 นิ้วที่ไม่ต้องเหลือพื้นที่ให้แถบหรือติ่งใดๆ อีกต่อไป รับชม ใช้งานต่างๆ ได้แบบเต็มๆ ไม่มีสิ่งใดบดบังสายตา และด้วยสัดส่วนหน้าจอ 19.5:9 จึงทำให้เป็นหน้าจอที่เหมาะแก่การดูหนัง ดูคลิปในแนวนอน มุมกว้างเป็นอย่างยิ่ง
ดีไซน์สวยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือปุ่ม Jovi และ Google Assistant
ถ้าใครพลิกตัวเครื่องดูที่ด้านซ้าย คุณจะได้พับกบ เอ้ย พบกับปุ่มปริศนา แปลกตาปุ่มหนึ่งที่แทบไม่มีในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ซึ่งในรุ่นนี้เป็นปุ่มคำสั่งลัดไปยังเมนู Jovi สำหรับใช้งานผู้ช่วยส่วนตัวจากวีโว่ หรือจะเปิดกล้อง เลือกเมนู Jovi และถ่ายภาพค้นหาข้อมูล ลิงค์เข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นช้อปปิ้งออนไลน์ต่างๆ ก็ได้ หรือใช้เปิดเมนูหรือค้นหาข้อมูลอื่นๆ ได้เช่นกัน และเมื่อกดปุ่มสองครั้งติดๆ กัน ก็จะเป็นการเปิดใช้งาน Google Assistant จากทางกูเกิลเอง
ช่องใส่ microSD แยกจากช่องใส่ซิมแล้วนะ
ถ้าใครแกะถาดใส่ซิมการ์ด ถ้าพบว่าถาดใส่ซิมมี 2 ช่องก็ไม่ต้องแปลกใจว่าช่องใส่ microSD เพิ่มความจำภายนอกหายไปไหน เพราะช่องเพิ่มความจำภายนอกแยกออกมาอีกช่องหนึ่งต่างหาก หรือถ้าใครคิดว่าพื้นที่ในตัวเครื่อง 128GB ก็เพียงพอแล้ว ก็ไม่ต้องใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มก็ได้
แบตเตอรี่ความจุสูง
เห็นหน้าตาสวยๆ แบบนี้ เรื่องระยะเวลาการใช้งานของรุ่นนี้ก็ไม่ได้ย่อหย่อนไปกว่าใคร เพราะในรุ่นนี้ใส่แบตเตอรี่ความจุสูง 3,700 มิลลิแอมป์กันเลยทีเดียว แถมยังมาพร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่แบบเร็วเพื่อให้ระยะเวลาการชาร์จรวดเร็วกว่าเดิม
ราคาเปิดตัว+วันวางจำหน่าย
ส่วนราคาค่าตัวของ Vivo V15Pro เปิดมาที่ราคา 14,999 บาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ได้มาพร้อมฟีเจอร์อื่นๆ ที่มากมาย กล้องหน้าป๊อปอัพสุดเก๋ สีสันสวยๆ ทั้งฟ้า Topaz Blue และแดง Coral Red ซึ่งตอนนี้ทางวีโว่ก็เปิดให้สั่งจองเครื่องกันอยู่ หรือถ้าใครอยากซื้อปุ๊บได้ของทันที ให้อดใจรอวันที่ 9 มีนาคมนี้นะจ๊ะ
รีวิว Vivo V15 Pro รวมความล้ำสมัยแห่งนวัตกรรมและความงามในหนึ่งเดียว
You must be logged in to post a comment.