ในที่สุดงานประจำปีที่ชาว Geek ทั่วโลกเฝ้ารอก็เวียนมาถึงอีกครั้ง! CES 2016 หรืองานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคประจำปี 2016 (Consumer Electronics Show 2016) ซึ่งก็เหมือนทุกๆ ปี ที่ประวัติศาสตร์ของโลกไฮเทคจะถูกเขียนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ได้นำผลงานใหม่ๆ โปรโมทตัวเองสู่ตลาดโลก โชว์ภาพลักษณ์ความล้ำหน้า และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น
ณ ลาสเวกัส เมืองแห่งทะเลทราบและแสงสีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน CES ในทุกๆ ปี โดยปี 2016 นี้มีจำนวนบูธกว่า 3,800 บูธ และมีผู้เข้าชมงานกว่า 170,000 คนจากทั่วโลก สามารถทำให้เห็นเทรนด์ของโลกอนาคตตั้งแต่วันนี้ถึงวันข้างหน้าว่าจะไปในทิศทางไหน ซึ่งบอกได้เลยว่าทุกๆ เทรนด์ทุกคนรู้จักดีอยู่แล้ว แต่แกดเจ็ทเหล่านี้มาช่วยเห็นว่ามันเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตมนุษย์ในมิติไหนเท่านั้นเอง และที่สำคัญ ของเล่นทุกชิ้นในงานนี้ มันเกิดมาเพื่อทำให้คุณเกิดกิเลสอยากทันเทรนด์ขึ้นมาในทันที อาทิ…
เทรนด์รักสุขภาพ ที่วันนี้แกดเจ็ทไฮเทคที่ดีที่สุดควรต้องดีไซน์ให้คนธรรมดาๆ “กล้าใส่” และดูเผินๆ ไม่รู้ว่ามันไฮเทคตรงไหน ซึ่งปีนี้บูธซัมซุงได้คะแนนไปครอง!
เทรนด์ยานพาหนะพลังงานทางเลือก ซึ่งสิ่งที่ล้ำที่สุดวันนี้คือ พลังงานไฟฟ้า แต่จะไม่หยุดแค่ยาน 4 ล้อ แต่เป็นอะไรที่ลอยเหนือฟ้าได้ และงานนี้นวัตกรรมจากจีน 2 ชิ้นได้เหรียญทองไป!
เทรนด์แกทเจ็ทดั้งเดิมกลายพันธุ์ เช่น โน้ตบุ๊ก มือถือ กล้องถ่ายรูป ที่คนทั่วไปมีใช้กันอยู่แล้ว แต่เพื่อพยายาม “สร้างความแปลกใหม่” จึงต้องหาทางทำให้มันกลายพันธุ์ ซึ่งปีนี้แบรนด์เก่าเก๋ากึ้กอย่าง Thinkpad และ Kodak สามารถมีของดีทำให้สื่อหันมามองได้!
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงน้ำจิ้มก่อนจะพาคุณไปจัดเต็ม! กับเนื้อหาสนุกๆ กับการพาทัวร์ชมของเล่นไฮเทคต่างๆ ตลอดงาน
พร้อมแล้วใช่ไหม เราไปดูที่สุดแห่งงาน CES 2016 กันเลย!
เดินทางได้ไวและสะดวกที่สุด
เพราะคนเมืองทั่วโลกต่างเบื่อที่จะขับรถท่ามกลางรถที่ติดๆ ฉะนั้นจึงได้แต่เฝ้าฝันว่าวันนึงเราสามารถเดินทางจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องแม้แต่จะขับ ซึ่งตอนนี้ค่ายรถยนต์มากมาย อาทิ โตโยต้า เกีย เบนซ์ ต่างนำผลงาน “รถไร้คนขับ” มาโชว์ตัว แต่คนก็ไม่ตื่นเต้นแล้ว เพราะบริษัทที่คว้าเซอร์ไพรส์รถไร้คนขับกลับเป็นกูเกิ้ลไปเสียนี่
อย่างไรก็ดี ในงานนี้กลับยังมีนวัตกรรมสุดตื่นตาในวงการรถยนต์หลงเหลืออยู่ นั่นก็คือ รถไฟฟ้าแบรนด์ใหม่ล่าสุด จากค่าย Faraday Future ที่ดีไซน์เหมือนรถแบทแมน เป็นรถสไตล์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวที่สุดในตลาด โดยรุ่นที่นำมาโชว์ตัวคือ FFZERO1 ด้วยงบประมาณที่อัดฉีดกว่า 3 หมื่นล้านบาทจากเจ้าสัวที่คุณรู้จักดี “จย่า เยว่ถิง” ซีอีโอเล่อชื่อ (LETV) ที่เราเคยเล่าให้ฟังว่าเขากำลังซุ่มทำรถไฟฟ้าอยู่ในบทความฉบับก่อนๆ นั่นเอง ตอนนี้ผลงานสุดล้ำของเขาได้เปิดเผยต่อโลกแล้ว ภายในแน่นอนว่าจะต้องใช้ระบบปฏิบัติการของ LE (ชื่อใหม่ของบริษัทเล่อทีวี) คาดว่า FFZERO1 จะเตรียมวางขายที่อเมริกาภายในปี 2020
และหาก FFZERO1 ยังทำให้คุณแค่ยักไหล่ ลองมาดูผลงานชิ้นต่อไปที่เคลมว่าทั้งดีไซน์และผลิตในจีนและขึ้นแท่นเป็นนวัตกรรมแรกของโลกอย่าง ““อีหัง (EHang)” รุ่น 184 กันเลย
อีหัง ชื่อที่พอสะกดเป็นภาษาไทยชื่อจะออกแนวฮาๆ แต่ในภาษาจีนความหมายดี แปลว่า “การเดินทางทาง________________อากาศแบบอิเล็กทรอนิกส์” มันคือ อากาศยานแบบ 1 ที่นั่งที่ใช้ระบบไฟฟ้า สามารถขนคน 1 คนที่น้ำหนักไม่เกิน 130 กิโลกรัม เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางแค่กดปุ่ม (ไม่ต้องบังคับ หรือจะใช้คนบนภาคพื้นดินสั่งบังคับออนไลน์ก็ได้) โดยสามารถบินได้ระดับความสูง 1,100 ฟุตจากพื้น ในความเร็ว 28 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาชาร์จแบต 4 ชั่วโมง
ตัวปีกสามารถพับได้ ทำให้ลงจอดในพื้นที่แคบๆ ได้ ขณะนี้ยานบินลำนี้ได้ผ่านการทดสอบมาแล้ว 1,000 ชั่วโมง คาดว่าจะนำไปใช้กับอุตสาหกรรมโรงพยาบาลเพื่อรับส่งผู้ป่วย การขนส่งระหว่างเกาะ รวมถึงเป็นแท็กซี่ไฮเทคสำหรับเศรษฐีที่เบื่อรถติดด้วย
อย่างไรก็ดี ยานบินลำนี้ ยังต้องหาคำตอบเกี่ยวกับ กฎหมายการเดินทางทางอากาศซึ่งแต่ละประเทศมีข้อกำหนดไม่เหมือนกัน รวมถึงการทำแพ็คเก็จประกันชีวิตเอาไว้ขายพ่วงกับยานด้วย!
สุขภาพดีที่สุด
เทรนด์ใหญ่ที่สุดของสินค้าประเภทเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ (Wearable Technology) มาถึงจุดที่มีตำแหน่งทางการตลาดชัดเจนนั่นคือ ใช้สวมใส่เพื่อให้สุขภาพดีขึ้น (มิฉะนั้นจะเสียเงินทำไมให้เกะกะชีวิต) แต่ก็ต้องใส่ไปแล้วเข้ากับชีวิตประจำวัน ไม่ทำให้ดูเด๋อ หรือเด่นเกินไป
ฉะนั้นหลากแกดเจ็ทในปีนี้ ได้เน้นรูปลักษณ์ของการออกแบบให้อิงกับข้าวของเครื่องใช้ที่มีอยู่เดิม โดยบูธที่โชว์ภาพนี้ให้เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือ บูธจากซัมซุงที่เอาผลงานของบริษัทสตาร์ทอัพด้านฮาร์ดแวร์ไฮเทคในนาม Creative Lab ที่ซัมซุงให้เงินทุนสนับสนุนอยู่มาโชว์ ถึง 3 ชิ้นงานด้วยกัน ซึ่งทุกผลงานจะถูกขายผ่านแบรนด์เสื้อผ้าไฮเทคอย่าง The HumanFit ในเกาหลีด้วย
ชิ้นแรกคือ WELT เข็มขัดไฮเทคที่เหมือนเป็นโค้ชสุขภาพส่วนตัว เมื่อใส่มันเข้าไปแล้ว สามารถเช็คจำนวนการนั่ง เดิน และขนาดรอบเอวของเราได้ เพื่อให้คำแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสม โดยผู้ใช้สามารถดูข้อมูลทั้งหมดผ่านแอพฯ ที่หัวเข็มขัดมีช่องเล็กๆ ไว้ชาร์จผ่าน Micro USB ด้วย
ซึ่งเข็มขัดนี้ก็ต้องใส่กับชุดสูทตัวพิเศษที่กระดุมตรงปลายแขนเสื้อเป็นกระดุมที่ฝัง NFC เอาไว้ เพื่อจะได้แตะแลกนามบัตรกับมือถือของลูกค้าได้ทันที
ส่วนคนที่เล่นกอล์ฟก็ต้องสนใจเสื้อโปโล SmartSwing ที่ติดแผ่น NFC ไว้ที่ปลายแขนเสื้อ เมื่อแตะก็จะเปิดแอพฯ GolfNAVI เพื่อได้รู้ว่าหลุมต่อไปจะไกลอีกประมาณไหน ทั้งยังสั่งให้ปิดเสียงมือถือเพื่อเพิ่มสมาธิและมารยาทในก๊วนกอล์ฟ รวมถึงเช็คสภาพอากาศและระดับรังสี UV ที่ได้รับตลอดทั้งวันได้อีกด้วย ทั้งยังมีชุดออกกำลังกายที่มีการติดเข็มกลัดที่ฝังชิประบบ Bio-Processor ที่ช่วยวัดระดับการเสียเหงื่อ อุณหภูมิที่ผิวหนัง อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับไขมันในร่างกายได้อีกด้วย!
และนอกเหนือจากความว้าวของ “แฟชั่นไฮเทค” จากซัมซุง เราก็ยังมีแกดเจ็ทใหม่ๆ ที่น่าสนใจซึ่งจะทำให้สุขภาพวันข้างหน้าดี๊ดีขึ้นอีก อาทิ
เครื่องตรวจครรภ์ที่มีชิพบลูทูธติดเอาไว้ซิงก์กับมือถือ เพื่อมีกิมมิกใหม่ในการตรวจการตั้งครรภ์ เช่น วิธีการใช้เครื่อง และความต้องการขณะรอผล เช่น รอแบบสงบ (แอพฯ ก็จะสอนให้หายใจลึกๆ) รอแบบไม่เครียด (ก็จะมีภาพตลกๆ มาโชว์) ล็อกแอพฯ ไม่ให้เห็นผลตรวจก็ได้ กล่องละ 540 บาท
ส่วนค่าย Withing ส่งเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย ที่เคลมว่าวัดอุณหภูมิได้เร็วและแม่นยำที่สุดในโลกขณะนี้ เพราะติดเซ็นเซอร์ 16 ชิ้นในเครื่องเดียว และลิงก์กับมือถือเก็บข้อมูลอุณหภูมิร่างกายของคนไข้หรือสมาชิกในครอบครัวแต่ละคนได้ ราคาประมาณ 4,600 บาท
บ้านที่น่าอยู่ที่สุด
สมาร์ทโฮมถูกพูดถึงมาหลายปี และที่ CES ปีนี้ก็บอกว่าเทคโนโลยีในสมาร์ทโฮมถูกอัพเกรดไปถึงไหน เริ่มตั้งแต่ สมาร์ททีวีที่มาพร้อมกับจอที่คมชัด 8K หรือ LG ก็ส่งจอโค้งงอได้มาอวด ส่วนลูกบิดที่กลอนประตูก็ถูกอัพเกรดให้เปิดได้ด้วยการสั่งงานด้วยเสียงผ่านระบบ SIRI ในไอโฟนได้
ด้านแอมะซอนที่ผลิต Amazon Alexa หุ่นยนต์ทรงกระบอกตอบโต้กับสมาชิกในบ้านได้ด้วยคำสั่งเสียง ก็อัพเกรดตัวเองให้ไปเชื่อมโยงกับการทำงานนอกบ้าน โดยเลือกพันธมิตรเป็น Ford Sync เพื่อให้เราสั่งเช็คระดับน้ำมัน สั่งเปิดประตูรถ ได้แม้ยังอยู่ในบ้าน โดยอนาคตจะร่วมกับผู้ทำระบบสมาร์ทโฮม Wink ด้วย
และเมื่อผู้เขียนได้ลองใช้งานแอพฯ สั่งซื้อของในซุปเปอร์ผ่านมือถือ ก็รู้สึกได้เลยว่าชีวิตจะดียิ่งขึ้นถ้า ณ จุดที่ต้องการอย่าง “ตู้เย็น” เราสามารถสั่งของที่ขาดได้ทันที โดยปีนี้ทั้ง แอลจีและซัมซุงก็ส่งตู้เย็นไฮเทคมาโชว์ตัวด้วย
โดยของแอลจีมาพร้อมกับจอขนาดใหญ่ที่หน้าตู้ เมื่อเคาะ 2 ที จะเห็นของในตู้ ไม่ต้องเปิดให้เปลืองไฟ และติดเซ็นเซอร์ไว้ที่ด้านล่างเครื่อง กรณีของเต็มมือหรือมือเปื้อนใช้ขาเตะ ประตูตู้เย็นก็จะเปิด
ส่วนของซัมซุงดูไฮเทคยิ่งกว่า เพราะมาพร้อมจอขนาดใหญ่ 20 นิ้ว และกล้องในตู้ทำให้ดูผ่านมือถือได้ว่าอะไรอยู่ในตู้เย็น และใช้มือถือก็ดูในตู้เย็นได้ ส่วนจอเอาไว้แตะเพื่อดูตำราอาหาร และสั่งซื้อของเข้าตู้เย็นได้ผ่านระบบสั่งอาหารที่หน้าจอและตัดเงินผ่านระบบของมาสเตอร์การ์ด
แปลงร่าง+กลายพันธุ์ที่สุด
ที่งาน CES มือถือ โน้ตบุ๊กพวกอัพเกรดแต่สเปคแต่หน้าตายังเหมือนเดิมจะไม่ถูกสื่อหยิบมาพูดถึง ในทางตรงกันข้าม หากด้านดีไซน์ตัวเครื่องของมันถูกอัพเกรดให้ทำอะไรได้มากกว่ามือถือและคอมเครื่องหนึ่งจะทำได้มันก็จะกลายเป็นอะไรที่เรียกความว้าว
โดยปีนี้โน๊ตบุ๊กเลอโนโว รุ่น ThinkPad X1 จอสัมผัส 12 นิ้ว ถือว่าได้ฟันธงความว้าวไปครอง เพราะมันเปลี่ยนจากโน้ตบุ๊ค Thinkpad ที่ดีไซน์ถึกๆ มาเชื่อมโยงกับ 2 อุปกรณ์เสริมปฏิวัติวงการ นั่นคือ โปรเจคเตอร์ฉายภาพได้ 60 นิ้ว (พอแล้วกับการพรีเซ็นท์งาน) และการเป็นเครื่องสแกนของแบบ 3 มิติ เพื่อนำไปต่อยอดด้านดีไซน์ ทำให้เหล่า BD ทั้งหลายพกพาไปทำงานก็คล่องตัวยิ่งขึ้น
ส่วนแว่น VR ก็กลายพันธุ์เป็นอุปกรณ์เสริมความบันเทิงแบบอินเตอร์แอคทีฟ เพราะได้ใส่กล้องที่หน้าตัวแว่น (ทำให้เห็นโลกภายนอกได้) และเพิ่มจอยสติ๊กเพิ่มเข้ามาด้วย (ทำให้มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาในจอได้ง่ายยิ่งขึ้น) โดยชิ้นงานที่ดูเข้าท่าสุดๆ คือ HTC Vibe Pre โดยผู้ผลิตเนื้อหาที่ให้ความสนใจในเทคโนโลยีนี้เป็นพิเศษกลับไม่ใช่แวดวงเกมและการศึกษา แต่กลับเป็นวงการ “หนังโป๊ (VR Porn)” ไปซะฉิบ!
และของเล่นชิ้นสุดท้ายจากบริษัทโกดัก ที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าถึงระดับล้มละลาย แต่ระยะหลังก็สามารถปรับตัวทันเทคโนโลยี ส่งสินค้า “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ฉลองครบ 50 ปี เป็นกล้องโกดักซุปเปอร์ 8 (Super 8) ที่มาจากฟิล์ม 8 มม. จากยุค 1965 ให้กลับมาเป็นเครื่องมือของผู้กำกับอินดี้คลื่นลูกใหม่อีกครั้ง โดยกล้องเวอร์ชั่นใหม่นี้มาพร้อมจอ 3.5 นิ้ว ภายในใส่ฟิล์มจริงๆ (ที่ค่าฟิล์มจะรวมค่าล้างและเก็บหนังไว้บนคลาดว์ให้ด้วย) ราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 บาท เตรียมวางขายกลางปีนี้
หวังว่าหลากที่สุดของงาน CES 2016 ที่คัดสรรมาจะถูกใจเหมือนคุณได้ไปทัวร์ด้วยตัวเอง โดยบทสรุปของการทัวร์งาน CES 2016 ครั้งนี้ ทำให้ผู้เขียนเห็นว่าเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ก็ล้วนแต่ต้องทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้น ซึ่งทุกๆ ชิ้นที่กล่าวมาก็ล้วนมีคุณค่าและมูลค่าในตัวเอง! ทั้งผู้ผลิตหลายรายก็พยายามสร้างนวัตกรรมที่มีดีไซน์น่าใช้ ฟีเจอร์ครบครัน ในราคาที่เอื้อมถึงได้
และสิ่งที่ต้องจับตาก็คือ ปีนี้เป็นปีแรกที่นวัตกรรมจากจีน (หรือจากเงินทุนจีน) ได้ผงาดให้คนทั่วโลกได้ประจักษ์แล้ว อาทิ ยานไร้คนขับอย่าง Ehang และรถไฟฟ้าสไตล์สปอร์ตอย่าง Faraday FFZERO1
ปีหน้าพบกันอีก ที่งาน CES 2017 โดยจะจัดขึ้นต้นเดือนมกราคม ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าจะยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ เพราะถือเป็นปีที่ครบรอบ 50 ปีของการจัดงาน CES ด้วย!
You must be logged in to post a comment.